ดักเก็บ 7 หุ้นตัวท็อป! รับลูก “กระทรวงการคลัง” ชงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ 5.5 หมื่นล้าน
กระทรวงการคลัง จ่อชง. “ครม.” ออกมาตรการ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” อัดเม็ดเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โบรกมองบวกหุ้น AP-SPALI-SC-SIRI-LPN-PSH-GLOBAL ฟาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” SPALI ราคาเป้าหมาย 21 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 โต 10% แตะ 1.76 พันล้านบาท
“สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวม 7 หุ้น ที่คาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากรัฐบาลออกมาตรการ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” โดยล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” เพิ่มเติม
โดยมาตรการดังกล่าวมีรายละเอียด คือ การออก สินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือคอนโดมีเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท
ส่วน สินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท
ขณะที่ ข่าวดังกล่าวสอดคล้องบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS ระบุว่า กระทรวงการคลัง มีแนวคิดออก 2 โปรเจกต์ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน คือ การจัดสินเชื่อ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” บ้านและคอนโดมิเนียมดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท ซึ่งจะชงเข้า ครม.เร็วๆ นี้
โดยฝ่ายวิจัยฯ ไปศึกษาข้อมูลในอดีตของ GDP ไทยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/2565 ถึงไตรมาส 2/2567 กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์เติบโตเพียง 0.5% ซึ่งมีสัดส่วนราว 4.3% ของ GDP ของประเทศไทย ถือว่าโตต่ำกว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉลี่ย เล็กน้อย
ดังนั้น หากมาตรการดังกล่าวออกมาจริงคาดการณ์เป็นการพยุงให้ GDP ไทยทยอยเติบโตและเข้าใกล้เป้าหมายที่ กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลบวกต่อราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์อาจมีไม่มาก เนื่องจาก 2 ข้อเรียกร้องหลักที่ผู้ประกอบการนำเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่ การผ่อนคลายเกณฑ์เรื่อง LTV และ การเพิ่มสิทธิ์ให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมากขึ้นยังไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิจัยฯ มองว่าเศรษฐกิจจีน-ไทยดูดีขึ้นหลังรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม สนับสนุน เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากกว่าออกในช่วงสั้น
ทั้งนี้ หุ้นที่คาดการณ์ ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯแนะนำลงทุน RECOMMEND OUTPERFORM คือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC และ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เป็นต้น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด แนะนำลงทุน SC ราคาพื้นฐาน 3.22 บาท ทั้งนี้ ไตรมาส 3/67 ผู้บริหารยังคงเป้าหมาย Presales ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท แนวราบ 65%, คอนโดฯ 35% และรายได้จากการขายอยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 70%, คอนโดฯ 25%, Engine 25%
ขณะที่ consensus ของตลาดหวังผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ฟื้นตัวโดดเด่นจากการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการ และเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ทำให้มีปัจจัยหนุนยอดโอนจากคอนโดมิเนียมเสริมเข้ามาควบคู่กับการโอนแนวราบ
ประกอบกับการปรับกลยุทธ์การตลาดที่กระจายสู่กลุ่มลูกค้าระดับกลางมากขึ้นทำให้ดึงดูดลูกค้าที่หลากหลายเข้ามาซื้อโครงการ ด้าน Bloomberg consensus ประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในเชิง sentiment ได้รับประโยชน์แนวโน้มดอกเบี้ยโลกเริ่มเป็นขาลงและเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรเศรษฐกิจภายในประเทศ domestic cyclical
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าโครงการใหม่ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง”เตรียมเสนอ ครม. ดังกล่าวจะนับว่าเป็นปัจจัยเชิงจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่เน้นจำหน่ายบ้านและคอนโดที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท อาทิ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH รวมถึงบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดในส่วนโครงการที่ 1 ผสาน ส่วนโครงการที่ 2 ฝ่ายนักวิจัยฯ ให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกลุ่มปรับปรุงบ้านสูงกว่า ระยะสั้นเน้นลงทุน บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิจัยฯ แนะนำ “ซื้อ” GLOBAL ราคาเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่ 17 บาท คาดการณ์ว่ายอดขายต่อสาขาลดลง 5% ในไตรมาส 3/2567 แต่แนวโน้มดีขึ้น โดยเดือนกรกฎาคมลดลงราว 7%, สิงหาคม 5% และกันยายน 3% ซึ่งแนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าวอาจมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้น
รวมถึง การแจกเงิน 10,000 บาทต่อคน จำนวน 14.5 ล้านคนในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้นอาจฟื้นตัวได้ 0.3% เป็น 26.2% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากยอดขายเฮาส์แบรนด์ที่สูงขึ้น 0.2% ถึง 24% ขณะที่ ยอดขายแบรนด์เฮาส์มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 10%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า กระทรวงการคลัง เผยเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เร็วๆ นี้ ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, โดยฝ่ายนักวิจัยฯ ยังเลือก AP เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มจากการประเมินมูลค่าไม่แพง PER 6 เท่า, PBV 0.7 เท่า และ Div. Yield สูงปีละ 6%, ทั้งนี้ให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 12.3 บาท
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” SPALI ราคาเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่ 21 บาท คาดการณ์ว่าแม้ยอดจองซื้อไตรมาส 3/2567 ไม่ตื่นเต้นโดยอยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน ส่วนรายได้จากการขายบ้านอาจเติบโตอยู่ที่ 9.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน และเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน
ทั้งนี้การเติบโตมาจากแรงสนับสนุนของยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมรวมอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท จากคอนโดมิเนียมใหม่ 4 แห่งที่เพิ่งสร้างเสร็จ อาทิ โครงการซิตี้ โฮม สนามบินน้ำ มูลค่า 700 ล้านบาท ขายได้แล้ว 42%, โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาท ขายได้แล้ว 30%, โครงการศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 69% และโครงการศุภาลัย ลอฟท์ ภาษีเจริญ มูลค่า 1.1 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 96%
เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่มี margin สูงมากสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยดีขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิจัยฯคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้กำไร 9 เดือน ปี 2567 อยู่ที่เกือบ 4 พันล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน