TMB ชี้ “ดิจิทัล แบงก์กิ้ง” หนุนเงินฝากโตตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าภายในปีนี้ กว่า 20%
TMB ชี้ "ดิจิทัล แบงก์กิ้ง" หนุนเงินฝากโต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าภายในปีนี้ กว่า 20%
น.ส.รัชดา เสริมศิลปกุล ผู้อำนวยการการตลาดและการขาย ME by TMB เปิดเผยว่า ในปี 59 ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าตามนโยบายธนาคารคือ 20% ในขณะที่ฐานลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี โดยใช้กลยุทธ์หลักคือดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปถึง 5 เท่า เน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าด้วย ME แอปพลิเคชั่นโดยมีแผนเปิดใช้งานภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนผ่านเวบไซต์สามารถไปยืนยันตัวได้ที่ธนาคารทีเอ็มบีในห้างสรรพสินค้า 102 สาขาทั่วประเทศได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
“โดยเห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 20% ต่อปี โดยมีสัดส่วนของลูกค้าในกรุงเทพ 64% และต่างจังหวัด 36% และกว่า 80% เป็นคนรุ่นใหม่วัยทำงาน ช่วงอายุตั้งแต่ 23-46 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในปี 2558 มีจำนวนเงินฝากเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 30% ในขณะที่ภาพรวมตลาดเงินฝากประเภทบุคคลโตขึ้น 2% นับเป็นนัยสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของคนไทยสู่โมเดล Self Service ได้เป็นอย่างดี” น.ส.รัชดา กล่าว
พร้อมกันนี้ ได้กล่าวถึงเทรนด์ของอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคกับการทำธุรกรรมการเงินผ่านออนไลน์ ทั้งช่องทางสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะแซงหน้าการดำเนินธุรกรรมการเงินผ่านเคาท์เตอร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โดยมีรายงานธุรกรรมการชำระเงินผ่านบริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ และบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน กันยายน 2558) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่ายอดบัญชีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งอยู่ที่ 11.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันจากปีก่อนหน้าถึง 1.7 ล้านบัญชี หรือ 17.7% ซึ่งมีปริมาณการทำธุรกรรมทั้งสิ้น 17.3 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านล้านรายการ หรือ 9.11% และมีมูลค่าการทำธุรกรรมรวม 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.57 แสนล้านบาท หรือ 15.07%
ขณะที่โมบายแบงก์กิ้งมียอดบัญชีผู้ใช้รวม 8.43 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.78 ล้านบัญชี หรือ 49.24 % จำนวนบัญชีดังกล่าวมีปริมาณการทำธุรกรรมรวม 23.1 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 12.5 ล้านรายการ หรือ 118.6 % มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.01 แสนล้านบาท หรือ 78.3%
นอกจากนี้ เมื่อมีการเปิดใช้สัญญาณ 4จี จากค่ายมือถือต่างๆ ที่ช่วยทำให้ความเร็วของการส่งสัญญาณเร็วขื้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจที่จะใช้บริการธุรกรรมบนออนไลน์มากขึ้น ประกอบการเติบโตของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศไทยมีการเติบโตเฉลี่ยสะสม 15% ต่อปี ทำให้ระบบดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลอย่างรวดเร็วต่อไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภค ดังนั้นในอนาคตจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธนาคารพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่ออัตราการเติบโตของฐานลูกค้า ME เพราะตรงกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดรับการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ชอบความคล่องตัว ต้องการบริหารเวลาด้วยตนเอง และในปัจจุบันคนกลุ่มนี้มีทางเลือกค่อนข้างมาก และมีความรู้ความเข้าใจในการออมและการลงทุนเป็นอย่างดี
โดยทุกครั้งที่ ME จัดกิจกรรมการตลาดและแคมเปญต่าง ๆ จะได้รับผลตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของผู้ใช้งานที่เข้ามาชมเว็บไซต์ ME by TMB สูงขึ้น 30-40 % เพื่อหาข้อมูล ศึกษา และสมัครเปิดบัญชีในที่สุด พร้อมกันนี้ ME ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่าย สะดวก ปลอดภัย ทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง iOS และ Android โดยมีแผนเตรียมเปิดใช้งานภายในเดือนกุมภาพันธ์ และเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเราว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
สำหรับภาพรวมอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปี 59 ว่า จากการคาดการณ์ โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับมาตรการเร่งรัดการลงทุนภาคเอกชนเพื่อช่วยเอสเอ็มอีและเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มขึ้น จะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งในปีนี้ โดยอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในครึ่งปีหลังมาอยู่ที่ 2% หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง พร้อมทั้งการปรับลดเพดานคุ้มครองของเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคมปีนี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสร้างฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจะเกิดการโยกเงินฝากไปสู่การลงทุนประเภทอื่นๆ ที่สร้างผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่ง ME นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ด้วยความคล่องตัวสูง พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่สูง 2.55% นับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด เมื่อเทียบกับอัตราเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5 % ต่อปี