JMT เด้ง 2% กวาดซื้อหนี้หมื่นล้าน แย้ม Q4 ตั้ง JV AMC กับแบงก์

JMT เด้ง 2% กวาดซื้อหนี้อีก 1 หมื่นล้านบาท หนุนพอร์ตรวม 5.38 หมื่นล้านบาท ส่งซิกเป็นบวกต่อไตรมาส 3-4 ปีนี้ “สุทธิรักษ์” ย้ำ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มั่นใจผลงานทั้งปีกลับมาทะยานแน่ ส่วนการจัดตั้ง JV AMC เพิ่มกับพันธมิตรรายใหม่คืบหน้าเกิน 50% คาดได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปี 67


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ต.ค. 67) ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 11:45 น. อยู่ที่ระดับ 21.10 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 1.93% สูงสุดที่ระดับ 21.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 329.66 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ในช่วงไตรมาส 3/2567 ถึงปัจจุบัน JMT ได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้าพอร์ตแล้ว รวมมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักประกัน หรือ Unsecured Loan สนับสนุนพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพอย่างไม่เป็นทางการของ JMT ในปัจจุบันขึ้นสู่ระดับ 538,000 ล้านบาท (รวมพอร์ต JMT และบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC))

ทั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณ ภาพรวมสถาบันการเงินทั้งสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารและไม่ใช่ธนาคารเริ่มทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรก ที่มีการขายหนี้ออกมาอย่างจำกัด เนื่องจากรอดำเนินการตามนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จ ขณะที่สถานการณ์หนี้ครัวเรือนนั้น ตัวเลขหนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหนี้ในกลุ่มบัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้า

“ทาง JMT มีความพร้อมในการเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร พร้อมกับความพยายามในการติดตามหนี้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้า คาดไตรมาส 3/2567 แนวโน้มธุรกิจมีทิศทางที่ดี จากช่วงไตรมาส 2/2567 เป็นช่วงต่ำสุดของปี พร้อมกับตั้งงบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในโค้งสุดท้ายของปีอีก 1,500-2,000 ล้านบาท”

สำหรับการขอจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ร่วมกับพันธมิตรรายที่ 2 นั้น มีความคืบหน้ามีไปมากกว่า 50% แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงไทม์ไลน์เดิมในการสรุปดีลดังกล่าวว่ามีโอกาสเป็นพันธมิตรร่วมกันหรือไม่ โดยจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในไตรมาส 4/2567 แน่นอน ที่สำคัญปี 2567 เป็นปีสุดท้ายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุญาตให้สถาบันการเงินขอจัดตั้ง JV AMC เพื่อบริหารจัดการหนี้เสียได้

อย่างไรก็ดีหากดีลไม่เป็นไปตามคาดหวังไว้ JMT ไม่กังวลในประเด็นนี้  เพราะยังเดินหน้ารับซื้อหนี้จากสถาบันการเงินได้เหมือนเดิม ขณะเดียวหากได้ JV AMC ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับหนี้ก้อนใหญ่ได้มากขึ้น ซึ่ง JMT ยังคงมองบวกต่อมูลหนี้ที่ไหลเข้าสู่ระบบที่ยังอยู่ในระดับสูงและต่อเนื่อง ทำให้เป็นบวกต่อธุรกิจในระยะถัดไป จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 จนถึงปัจจุบัน บริษัทรับซื้อหนี้รวมมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงินแล้ว  สำหรับภาพรวมของผลประกอบการปีนี้ ด้วยการที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้สถานการณ์กลับมาทรงตัวพร้อมกับตีกลับเข้าสู่เทิร์นอะราวด์แล้ว

“บริษัทฯ มั่นใจว่าการทำ JV ครั้งที่ 2 นี้ จะมีลักษณะการดำเนินงานที่สามารถทำกำไรได้เหมือนกับดีลของ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ JMT” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

Back to top button