GULF–DELTA ดันดัชนี 60 จุด

ทราบกันไหมว่า นับจากกรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ที่หุ้น “กลุ่มกัลฟ์” ประกอบด้วย GULF, ADVANC, INTUCH และ THCOM ได้ประกาศควบรวมกิจการ


ทราบกันไหมว่า นับจากเดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (ประมาณ 3 เดือน) ที่หุ้น “กลุ่มกัลฟ์” ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) : GULF, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) : ADVANC, บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) : INTUCH และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) : THCOM ได้ประกาศควบรวมกิจการ

หุ้นในกลุ่มฯ หรือทั้ง 4 หลักทรัพย์ต่างมีส่วนต่อการดันดัชนีหุ้นไทยมากถึง 54 จุด 

หรือหากนับเฉพาะหุ้น กัลฟ์ฯ จะมีส่วนดันดัชนี 25 จุด

ในช่วงเวลาดังกล่าว (16 ก.ค. 67) ดัชนีหุ้นไทยอยู่ประมาณ 1,320 จุด

จากช่วงนั้น มาถึงตอนนี้ (ประมาณ 3 เดือน) ดัชนีมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,485-1,490 จุด หรือขึ้นมากว่า 170 จุด

นั่นเท่ากับว่า หุ้นที่ขึ้นมา 170 จุด

หุ้นกลุ่มกัลฟ์ฯ ที่มีส่วนต่อการดันดัชนีขึ้นมา 54 จุดนั้น จะคิดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์มากถึง 32% ที่มีส่วนต่อการดันดัชนีในระดับปัจจุบัน

มีคำถามต่อว่า แล้วหุ้นที่มีส่วนต่อการดันดัชนีรองลงมาคือกลุ่มใด

คำตอบ คือ “กลุ่มซีพี”

กลุ่มซีพีที่ว่านี้ ประกอบด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) : CPALL

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF

ส่วนหุ้นในกลุ่มซีพี ที่มีส่วนต่อการดันดัชนีมากสุด คือ CPALL ถัดมาคือ CPAXT และ TRUE

นอกเหนือจากกลุ่มกัลฟ์ และกลุ่มซีพี

อีกหุ้นที่มีส่วนสำคัญต่อการดันดัชนี คือ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA

สำหรับเดลต้าฯ หากคำนวณแบบคร่าว ๆ ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นทุก 1.00 บาท จะมีส่วนต่อการดันดัชนีประมาณ 1 จุด

ดังนั้น เมื่อย้อนกลับไปดูราคาหุ้นเดลต้าฯ ในช่วงกลางเดือนก.ค. 67 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ 95 บาท

ล่าสุด ผ่านมา 3 เดือน ราคาหุ้นเดลต้าฯ ขึ้นมาอยู่ที่ 130 บาท +/- เล็กน้อย หรือเท่ากับว่า ราคาหุ้นเดลต้าฯ ขึ้นมาราว ๆ 35 บาท จึงมีส่วนต่อการดันดัชนีประมาณ 35 จุด

สรุป หุ้นกลุ่มกัลฟ์ กลุ่มซีพี และเดลต้าฯ

ทั้งหมดที่ว่านี้จะมีส่วนต่อการดันดัชนีหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาถึง 110-120 จุด

โดยหุ้นเดลต้าฯ นำมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 35 จุด รองลงมาคือ กัลฟ์ฯ 25 จุด ต่อด้วย ADVANC และ CPALL 

ส่วนหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่ราคาวิ่งขึ้นมาแรง เป็นกลุ่มธนาคารฯ ที่นำโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB และอีก 3 แบงก์ใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) : KBANK และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) : BBL

จากข้อมูลหุ้นที่มีส่วนต่อการดันดัชนี

นั่นจึงเป็นที่มาของคำตอบว่า ทำไมหุ้นในพอร์ตถึงยัง “แดง” ทั้งที่ดัชนีขึ้นมาเกือบ 200 จุด

หุ้นขนาดใหญ่ในสองกลุ่ม และอีก 1 หุ้นคือ เดลต้าฯ

เมื่อราคาขึ้นมาในระดับที่มีอัพไซด์จำกัด ประกอบกับดัชนีขึ้นมาที่แนวต้านสำคัญ 1,500 จุด จึงยากที่จะผ่านขึ้นไปได้

บวกกับปัจจัยเกี่ยวกับผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ออกมา แม้ว่าจะมีบางหุ้นแบงก์ที่กำไรดีกว่าคาด

แต่เมื่อเจาะเข้าไปดูเกี่ยวกับหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอล ต่างเพิ่มขึ้น (แม้จะเพียงเล็กน้อย) ทำให้เกิดความกังวลบ้าง รวมถึงสินเชื่อที่ต่างติดลบจากความเข้มงวดในการปล่อย

ส่วนนักลงทุนต่างประเทศยังขายมากกว่าซื้อ ซึ่งน่าจะรอดูเลือกตั้งสหรัฐฯ ในช่วงเดือนพ.ย. 67

ดูจากสถานการณ์ที่ว่านี้

คงจะยากที่ดัชนีจะขึ้นไปยืนเหนือ 1,500 จุด ในเวลาอันใกล้

เพราะหุ้นแถวสอง แถวสามไม่ยอมขยับกันเลย

เว้นแต่จะมีพลังก๊อกสองจากหุ้นกัลฟ์ เดลต้า และกลุ่มซีพี นั่นแหละ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button