AAV เด้ง 4% โบรกอัพเป้า 5 บ. ลุ้น Q3 โตแกร่ง รับผู้โดยสารพุ่ง-ต้นทุนน้ำมันลง
AAV เด้ง 4% โบรกชี้กำไรไตรมาส 3/67 เติบโตต่อเนื่อง รับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ต.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV อยู่ที่ระดับ 2.78 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 3.73% สูงสุดที่ระดับ 2.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.66 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 431.89 ล้านบาท
บล.พาย ระบุว่า AAV เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งล่าสุดคาดว่าผู้โดยสารทั้งปีจะไปได้ถึงระดับ 20 ล้านคน รวมถึงบริษัทยังคงมีแผนเปิดเส้นทางใหม่เพิ่มโดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศอย่างประเทศอินเดีย ขณะที่จีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังเปิดฟรีวีซ่า โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท
นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 ของ AAV ยังเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มจำนวนผู้โดยสารน่าจะเติบโต 8-9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่อาจทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/67 ที่ 4.97 ล้านคน เนื่องจากเป็นช่วง low season ในฤดูฝนของไทย แม้เดือน ก.ค.-ส.ค.จะเติบโตดีเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เดือน ก.ย.ปกติเป็นเดือนที่อ่อนสุดของปี
สำหรับไตรมาส 3/67 รายได้ค่าตั๋วเฉลี่ย/คนใกล้ 1,900 บาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่เติบโต 10-11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้เสริมต่อคนคาดทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แถวๆ 400 บาท/คน ทำให้รายได้อ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตดีเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากส่งผลดีต่อต้นทุนอิงดอลลาร์ราว 60% และหนี้สินค่าเช่าเครื่องบินที่เป็นดอลลาร์ หากดูเงินบาทไตรมาส 2/67 ที่ 36.85 บาท/ดอลลาร์ กับ 32.45 บาท ณ 30 ก.ย.67 โดยทุก 1 บาทมีผลต่อบันทึกกำไร Fx ที่ 1 พันล้านบาท จึงคาดว่าจะมีบันทึกกำไร FX สูงมาก ประเมิน AAV จะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 4 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67
ส่วนในไตรมาส 4/67 จะมีกำไรปกติดีสุดของปี ทั้งผู้โดยสาร,รายได้ตั๋วเฉลี่ย/คนและรายได้เสริม/คน จะปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งมีการรับเครื่องบินใหม่ 1 ลำ เพิ่มเป็น 60 ลำเพื่อรองรับการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่หลายเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมแนวโน้มกำไรปกติจะดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า โดยตัวแปรที่จะส่งผลต่อกำไรสุทธิ คือ ค่าเงินบาท โดยทั้งปี 67 ทาง AAV ยังคงเป้าผู้โดยสารที่ 20-21 ล้านคน เติบโต 6-11% และรายได้ขาย/บริการ เติบโต 20-23%
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า AAV น่าจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 67 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/67 ขณะที่ฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจะส่งผลให้ไตรมาส 4/67 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี
สำหรับในไตรมาส 3/67 ผลการดำเนินงานหลักดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ โดย AAV มีแนวโน้มจะรายงานผลการดำเนินงานหลักปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 3/67 ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าบริษัทจะรายงานขาดทุนหลักลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาที่ 4.9 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, ค่าโดยสารเฉลี่ยสูงขึ้น (1,920 บาท/เที่ยว เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน), และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง (96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน)
ทั้งนี้กำไรสุทธิเราคาดการณ์เบื้องต้นที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในไตรมาส 3/67
ด้านฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยจะหนุนจำนวนผู้โดยสารในไตรมาส 4/67 โดยปกติแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาลในไตรมาส 4 ข้อมูลในช่วงก่อนโควิด (ปี 60-62) แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% จากไตรมาสก่อนหน้า และในไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อนหน้า คาดว่าจำนวนผู้โดยสารของ AAV จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11% จากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4 ระหว่างปี 60-62 (และเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/66)
สำหรับไตรมาส 4/67 คาดว่าบริษัทจะรายงานการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร 11% จากไตรมาสก่อนหน้า (7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) มาอยู่ที่ 5.5 ล้านราย แข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนโควิด และค่าโดยสารเฉลี่ยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าในช่วงเวลาดังกล่าวเราคาดว่ารายได้ของ AAV ในไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง
เมื่อมองไปยังด้านต้นทุน ประมาณ 70% ของต้นทุนขายและบริการของบริษัท (น้ำมันเชื้อเพลิง,ค่าซ่อมบำรุง,และค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ในรูปแบบเหรียญสหรัฐ ต้นทุนการดำเนินงานของ AAV จะลดลงทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจาไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/67 ในรูปแบบเงินบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงคาดว่าจะลดลงทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า (สอดคล้องกับน้ามันดิบที่มีแนวโน้มลดลงท่ามกลางอุปทานที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางก็ตาม) จะหนุนการเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/67 เนื่องจากต้นทุนน้ามันคิดเป็นประมาณ 40% ของต้นทุนขายและบริการของ AAV
โดยคาดการณ์ว่ากำไรหลักของ AAV ในไตรมาส 4/67 ดีที่สุดในปี 67(เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า) จากการวิเคราะห์ของเรา ทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลที่ราคาน้ามันเชื้อเพลิงต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะคิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ของเรา 5% และทุกๆ 0.50 บาทที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่เราคาด (ที่ 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) จะคิดเป็นอัพไซด์ 10% ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 68
ทั้งนี้ปรับเป้าหมายไปเป็น ณ สิ้นปี 68 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5 บาท อิงจาก PER ที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วงปี 60-62 (ก่อนโควิด)