ไม่เด้ง..ก็ล่องจุ๊น

เดิมที “โมนิก้า” ประเมินว่า ดัชนีจะเด้งกลับเมื่อลงมาแตะเส้นแนวรับ 10 วันที่บริเวณ 1,472 จุด (ตอนเปิดเทรดวิ่งขึ้นไปถึง 1,476.98) แต่เอาเข้าจริงดันไหลลงเสียอย่างนั้น


เดิมที “โมนิก้า” ประเมินว่า ดัชนีจะเด้งกลับเมื่อลงมาแตะเส้นแนวรับ 10 วันที่บริเวณ 1,472 จุด (ตอนเปิดเทรดวิ่งขึ้นไปถึง 1,476.98) แต่เอาเข้าจริงดันไหลลงเสียอย่างนั้น จนต้องมาวัดกันอีกครั้งตรงเส้นแนวรับ 25 วันที่บริเวณ 1,460 จุดจะเอาอยู่ไหมแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะกลายเป็นเกมที่นักลงทุนต้องนั่งลุ้นหน้ากระดานหุ้นแบบไม่ให้คลาดสายตาน่ะซี

เนื่องจากโอกาสที่ดัชนีจะ “ขึ้นใหม่” กับ “ลงต่อ” มีพอกัน แต่ถ้าอิงจากสัญญาณเทคนิคในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า ดัชนีไม่เคยหลุดเส้นแนวรับตรงนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในยามที่ตัวแปรหลายอย่างผันผวน ผสานกับบรรดาแมงลือเม้าท์มอยอย่างสนุกสนานว่า กองทุนเริ่มหมดเงินที่จะซื้อหุ้นแบบนี้..เสียวไส้เหลือเกินจ้า

วันนี้เลยเป็นการเดิมพันแรงซื้อยังมีอยู่ไหม? หลังดัชนีย่อตัวลงมายืนที่ระดับ 1,460.64 จุด ลบไป 9.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.43 หมื่นล้านบาท ผนวกกับหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวเกิดอาการตื้อ ๆ ตัน ๆ เพราะแรงซื้อเริ่มขาดตอน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินสภาพหุ้นใหญ่ที่เริ่มเป๋อีกครั้ง มันจะสร้างปัญหาให้กับพอร์ตหุ้นขนาดไหน? หลังบางตัวแสดงอาการ “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น” เจ้าค่ะ

โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นกับ TOP ถือเป็นเรื่องที่กระเทือนกับผู้รับเหมามากมายในตลาดหุ้น และนอกตลาดหุ้น จนตัวเลขบริษัทที่เสียหายจากการเบี้ยวหนี้เพิ่มขึ้นจาก 16 รายเป็น 22 ราย จนผู้คนที่เกี่ยวข้องออกมาเรียกร้องให้หัวเรือใหญ่ออกมาชี้แจงผลกระทบที่เกิดกับบริษัท และร่วมกันหาทางแก้ไขให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับแนะนำให้เลิกทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนสักทีเถอะ..อิอิอิ

ส่วนรายที่พยายามปั๊มธุรกิจให้กลับมาทำกำไรอีกครั้งอย่าง PTTGC ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ของปัจจัยลบรุมเร้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ และการที่หุ้นลงยืนปิดที่ระดับ 23.90 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 937 ล้านบาท ซึ่งใกล้กับโลว์เก่าที่เคยทำไว้บริเวณ 22.80 บาท ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า เหมาะต่อการทยอยเก็บไหม? หลังบางกระแสพูดไปในแนวที่ ลงเยอะแล้วจ้า!

สำหรับอีกหนึ่งตัวอย่างที่ “โมนิก้า” พยายามศึกษาเป็นระยะก็คือ LH หลังราคาหุ้นเริ่มโรยตัวลงอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามไต่ระดับขึ้นใหม่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกตามเคย จนวานนี้เห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 5.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 732 ล้านบาท และมีโลว์เก่าอยู่ที่บริเวณ 4.86 บาทแบบนี้ ก็น่าคิดอีกเช่นกันว่า หุ้นจะลงลึกขนาดนั้นเชียวหรือ?

ประเด็นข้างต้นทำให้ต้องเอ่ยถึงหุ้น HMPRO เป็นรายถัดมาในทันที เพราะมีชะตากรรมไม่ต่างกันกับรายข้างต้น รวมถึงแรงซื้อก็หดหายไปดื้อ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า กำลังซื้อช่วงปลายปีจะเพิ่มขึ้น และจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่วานนี้ราคาหุ้นดันทรุดฮวบลงมากองอยู่ที่ระดับ 9.75 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 565 ล้านบาทแบบนี้..อาการน่าเป็นห่วงนะตัวเอง

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นน้องใหม่ MEDEZE ถูกรินขายออกมาเป็นระลอก จนราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 9.85 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 403 ล้านบาท พร้อมกับแสดงอาการจะลงไปยืนที่บริเวณไอพีโอ 9 บาท มันก่อให้เกิดเสียงเมาท์มอยว่า สงสัยคนในขบวนแตกแถวกันหมดแล้วกระมัง! และ “อาจารย์ พ.” ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอแบบนี้..เดี๊ยนคงตอบได้แค่ว่า ไม่รู้..ไม่รู้! 

ตบท้ายกันที่หุ้นเหาฉลามอย่าง INSET กันบ้างดีกว่า เพราะอาการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.22 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 10.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288 ล้านบาท ล้วนเกิดจากเรื่องยักษ์ใหญ่ไอทีขนเงินมาลงทุนในไทย และนี่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากเรื่องดังกล่าว ช่วงนี้ถึงเห็นนักลงทุนแวะเวียนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอย่างสนุกสนาน ส่วนจะเล่นกันยาวขนาดไหน ก็ต้องดูกันเอาเองนะนายจ๋า!

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button