โบรกมอง PTTGC ไตรมาส 3 “ตั้งด้อยค่า” เพิ่ม ลุ้นปี 68 ค่าการกลั่นพุ่งดันงบฟื้นตัว
โบรกมอง PTTGC ไตรมาส 3/67 ขาดทุน 1.83 หมื่นล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้อยค่าจะมาจากการปิด Venorex และ PTT Asahi ลุ้นปี 68 ค่าการกลั่นในอยู่ที่ 4.9 เหรียญ และส่วนต่างราคา PX จะเพิ่มขึ้น หนุนผลประกอบการฟื้นตัว
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับราคาเป้าหมายของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ลง 10.7% จากเดิม 40.20 บาท เหลือ 35.90 บาท โดยอ้างอิงจากมูลค่าของบริษัทในปี 68 ที่คาดการณ์ว่าจะเห็นกำไรของบริษัทกลับมาอยู่เป็นปกติกว่าในปัจจุบัน ซึ่งในปี 67 ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า PTTGC จะรายงานผลขาดทุน 1.83 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเห็นกำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท
โดยคาดการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการด้อยค่า 1.88 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 9.1 พันล้านบาทในค่าใช้จ่ายจากการด้อยค่านั้นจะมาจากการปิด Venorex และอีก 9.7 พันล้านบาทจาก PTT Asahi
หากหักการด้อยค่าข้างต้นออก ผลประกอบการจากการดำเนินงานหลักของบริษัทจะเห็นผลขาดทุนอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท โดยฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ค่าการกลั่นสิงคโปร์ลงจาก 6 เหรียญต่อบาร์เรล เหลือ 4.6 เหรียญต่อบาร์เรล และส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลจาก 20 เหรียญต่อบาร์เรลเป็น 17 เหรียญต่อบาร์เรล ในขณะเดียวกันก็ปรับลดส่วนต่างราคา HDPE จาก 422 เหรียญต่อตัน มาเป็น 347 เหรียญต่อตัน
ดังนั้น KKPS ระบุว่าส่วนต่างดีเซล และ PE ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางธุรกิจของ PTTGC จะเลื่อนออกไปจากเดิมที่คาดการณ์ไว้อยู่ช่วงครึ่งหลังของปี 67 ไปเป็นปี 68 ในขณะเดียวกัน ฝ่ายวิเคราะห์ก็ปรับลดกำไรลง 28% มาอยู่ที่ 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสูงกว่า Consensus ที่ให้ไว้ 9.2 พันล้านบาท โดยการปรับลดดังกล่าวมาจากคาดการณ์ค่าการกลั่น และส่วนต่าง HDPE ที่จะลดลง
ทั้งนี้ KKPS ระบุว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงนั้นรับรู้ผลลบจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ไปแล้ว และในขณะนี้มีมูลค่าที่ไม่แพง โดย P/B ในปี 68 อยู่ที่ 0.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 55-66 อยู่ที่ 1.0 เท่า นอกจากนั้นแล้ว การประกาศปรับโครงสร้างคาดการณ์ว่าจะช่วยตัดผลขาดทุนจาก Vencorex อยู่ที่ 4 พันล้านบาทในปีนี้ออกไปในอนาคต และผลประกอบการจากบริษัทย่อย และ JV น่าจะช่วยผลักดัน NPAT ได้ในปี 68
อนึ่ง Vencorex เป็นผู้ผลิตและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีในการผลิต Isocyanate โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ในกลุ่ม HDL และ HDI Derivatives ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตพลาสติก PU ที่มีคุณสมบัติเหมาะสําหรับการผลิตโฟมและสารเคลือบใน อุตสาหกรรมยานยนต์และสิ่งก่อสร้าง
นอกจากนั้นแล้ว ค่าการกลั่นในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 4.9 เหรียญ ซึ่งจะสูงกว่าของครึ่งหลังของปี 67 อยู่ที่ 3.8 เหรียญ และส่วนต่างราคา PX จะเพิ่มขึ้นจาก 310 เหรียญต่อตัน ไปอยู่ที่ 395 เหรียญต่อตัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยผลักดันการฟื้นตัวของ NPAT ของบริษัทได้