“พาณิชย์” หารือ 3 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ หลังมูลค่าตลาดไทยสูง 3.6 พันล้าน ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์
นภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ร่วมหารือ 3 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ “Sony - Universal - Warner Music” หวังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงไทยต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ หลังปี 66 พบตลาดเพลงในไทยมีมูลค่าสูงถึง 3.6 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค.67) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) แห่งภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (IFPI Asia-Pacific Regional Board Meeting) โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ได้หารือเพื่อวางเป้าหมายในการผลักดันอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก โชว์ศักยภาพเพลงไทย สร้างรายได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมมือกับภาคเอกชนดึงกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์ครอบคลุมรอบด้าน ปลุกกระแสเพลงไทยดันศิลปินสร้างเอกลักษณ์สู่เวทีโลก
โดย นายนภินทร เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีผลงานเพลงไทยได้รับความนิยมทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากการที่วงการดนตรีของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ แสดงให้เห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทยในตลาดระดับโลก กระทรวงพาณิชย์มอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะองค์กรหลักในการขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศเดินหน้าเป็นฟันเฟืองหลักสนับสนุนศิลปิน และธุรกิจเพลงไทย เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย ให้เป็นหนึ่งใน hidden gem ที่พร้อมส่องประกายบนเวทีโลก
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เพลงไทยเติบโตในยุคดิจิทัล คือ ทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) ซึ่งหมายถึงสิทธิหรือลิขสิทธิ์เพลงที่เป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ค่ายเพลงมีรายได้ต่อเนื่องและยาวนานหลายสิบปี ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี AI กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ และกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ในวันนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กระทรวงพาณิชย์จะได้ร่วมหารือกับ CEO ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เช่น Sony Music Entertainment Universal Music Group และ Warner Music Group ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ของสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ซึ่งเป็นองค์กรมีสมาชิกกว่า 8,000 บริษัทจากกว่า 70 ประเทศ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทย สร้างเครือข่ายที่ทรงพลัง เพื่อช่วยส่งเสริมให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานเพลงของตนอย่างเต็มศักยภาพและขยายไปสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นคง
“แม้ไทยจะเป็นตลาดขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในเอเชีย แต่กลับแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่ง โดยในปี 2566 ตลาดเพลงในไทย มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย ผ่านเม็ดเงิน 107.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,600 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้สูงสุดในอาเซียน และมากกว่าจีนฮ่องกง รวมถึงจีนไทเป โดยมูลค่าดังกล่าวเติบโต 6.3% จากปี 2565 ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมเพลงในฐานะเครื่องมือสำคัญภายใต้กลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่เวทีโลก กระทรวงพาณิชย์มีแผนเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทย ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในประเทศไทยให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นประโยชน์แก่ทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ใช้งาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีให้อุตสาหกรรมเพลงไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายนภินทร กล่าวทิ้งท้าย