UOB แย้มผลศึกษา ACSS ประจำปี 67 ชี้คนไทยยอมจ่ายซื้อประสบการณ์-การลงทุนเพิ่ม
UOB แย้มผลศึกษา ASEAN Consumer Sentiment Study ปี 67 ชี้ผู้บริโภคคนไทยยอมจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์และการลงทุนเพิ่มขึ้น
นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย รายงานผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน หรือ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) ประจำปี 67 เผยว่าผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 2 ใน 5 หรือ 42% ใช้จ่ายกับสิ่งของจำเป็นมากขึ้น ในขณะที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และสนใจลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การศึกษาในครั้งนี้จัดทำขึ้นร่วมกับบริษัท Boston Consulting Group โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม สามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้
นายยุทธชัย เปิดเผยว่า ผลการศึกษาในปีนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมด้านการเงินของผู้บริโภคชาวไทยเพื่อให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่สูงขึ้น และการออมที่ลดลง
นอกจากนี้ผลการศึกษาของ ACSS ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังคงเป็นความกังวลหลักของผู้บริโภคในประเทศไทย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 64% ถามระบุว่าสิ่งนี้เป็นข้อกังวลหลัก นอกจากนี้ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้น และ 58% ระบุว่าการออมที่ลดลงเป็นปัจจัยที่เป็นข้อกังวลรองลงมา เพื่อเป็นการตอบสนองต่อข้อกังวลเหล่านี้ ส่งผลให้ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามลดค่าใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น ในขณะที่ 45% แสวงหาแหล่งรายได้รอง และ 44%มองหาข้อเสนอและส่วนลดในการชอปปิง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอน แต่ผู้บริโภคชาวไทยกลับให้ความสำคัญกับการจับจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 40% กล่าวว่าพวกเขาใช้จ่ายมากขึ้นกับการซื้อประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา เช่น การเดินทาง รับประทานร้านอาหารรสเลิศ คอนเสิร์ต อีเว้นท์และงานเทศกาล การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น
โดยเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z (56%) และ Gen Y (45%) ข้อมูลจากวีซ่า ประเทศไทย สนับสนุนแนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์นี้เช่นกัน โดยระบุว่าผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบีวีซ่ามีการใช้จ่ายในสินค้าหรูหราลดลง 9% แต่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อซื้อประสบการณ์กลับเพิ่มขึ้นเกือบ 3% การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ที่เป็นหมวดใหญ่ที่สุดคือการรับประทานอาหาร รองลงมาคือการเดินทาง และกิจกรรมความบันเทิง เช่น คอนเสิร์ตและงานเทศกาลซึ่งเป็นประเภทการใช้จ่ายที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดที่ 57 %
นอกจากนี้ การเดินทางระหว่างประเทศยังคงเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าครึ่งหนึ่ง (58%) ระบุว่าได้เดินทางไปยังต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนในปีที่ผ่านมา ผลการวิจัยของ ACSS 2024 เผยให้เห็น ผู้ตอบแบบสอบถามยังชื่นชอบจุดหมายปลายทางในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย ข้อมูลของวีซ่า ประเทศไทย ยังยืนยันแนวโน้มการท่องเที่ยวในต่างประเทศนี้ การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบการใช้จ่ายบัตรเครดิตในต่างประเทศเป็นรายปีของผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี วีซ่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 ถึง 30 มิ.ย.67 โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมอื่นๆ ทั่วโลกได้แก่ ญี่ปุ่น จีน (รวมถึงฮ่องกง) และฝรั่งเศส
สำหรับการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นออมเงินอย่างแข็งแกร่ง โดยคิดเป็น 57% ของผู้บริโภคระบุว่ามีเงินสำรองฉุกเฉินที่รองรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อยสามเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคอาเซียนที่ 54% สิ่งที่น่าสังเกตคือ คนรุ่นใหม่ (Gen Y และ Gen Z) ให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่งคั่งผ่านการออมและการลงทุนมากกว่าคนในช่วงอายุที่มากกว่า
อนึ่ง ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ยังเปิดเผยว่าบัญชีเงินฝากของกลุ่ม Gen Z เพิ่มขึ้น 52% ในขณะที่จำนวนบัญชีเงินฝากที่ถือครองโดยกลุ่ม Gen Y เพิ่มขึ้น 27% ในช่วงครึ่งแรกของปี 67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้จำนวนนักลงทุน Gen Z เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยเพิ่มขึ้น 129% ในขณะที่นักลงทุน Gen Y เพิ่มขึ้น 23% โดยเม็ดเงินลงทุนโดยคนรุ่นใหม่ในการลงทุนตรงในต่างประเทศเติบโตขึ้นเป็น 10% และการลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนที่จดทะเบียนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 14%
“เป็นเรื่องน่ายินดีที่เห็นคนรุ่นใหม่ชาวไทยจำนวนมากมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางการเงินผ่านการออมและการลงทุน แต่ยังคงจำเป็นต้องให้การสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านอื่นๆ เช่น ประกันสุขภาพ เป็นต้น เรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างให้คนรุ่นใหม่สามารถดำเนินชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ พร้อมทั้งสร้างความยั่งยืนทางการเงินควบคู่กัน” นายยุทธชัย กล่าวทิ้งท้าย