แบรนด์ยักษ์โลกปรับกลยุทธ์ตลาดจีน
บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่และแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Hermes, L'Oreal, Coca-Cola, United Airlines, Unilever และ Mercedes กำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การลงทุนในประเทศจีน
บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่และแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Hermes, L’Oreal, Coca-Cola, United Airlines, Unilever และ Mercedes กำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การลงทุนในประเทศจีน บางรายเริ่มปรับลดราคาและต้นทุน เพื่อ ให้สอดรับความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน
แม้ว่า “รัฐบาลปักกิ่ง” จะพยายามพลิกสถานการณ์อยู่ก็ตาม..!!
โดยกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าชาวจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจาก “วิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์” ทอดระยะเวลายาวนานมากจนเกินไป
ที่สำคัญตัวเลข “อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาว” ยังทรงตัวระดับสูง
นั่นทำให้บริษัทบางแห่งเริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อาทิ Mersen บริษัทผลิตกราไฟต์คาร์บอน จากฝรั่งเศส เตรียมปิดโรงงานผลิตภัณฑ์ส่งกำลังไฟฟ้า เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในท้องถิ่นได้
ส่วน Danone และ Nestle บริษัทอาหารระดับนานาชาติ ต่างปรับลดราคาสินค้าลงอย่างมาก หรือพยายามกระตุ้นปริมาณการซื้อสินค้าทางออนไลน์
โดยรัฐบาลจีน สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือมากขึ้น แต่ขอบเขตและระยะเวลามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมยังไม่แน่นอน
จนถึงขณะนี้นักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจว่าความพยายามดังกล่าว จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่มีมูลค่า 18.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้หรือไม่..!?
ขณะที่ Hermes และ Birkin บริษัทผลิตกระเป๋าถือแบรนด์หรูระดับโลก กำลังชดเชยปริมาณการขายสินค้าที่ลดลงด้วยการขายสินค้าหลายประเภทที่มีมูลค่าเฉลี่ยสูงขึ้น ทั้งเครื่องประดับและเครื่องหนัง
ฟาก Kirby แบรนด์เสื้อผ้าสำเร็จรูปผู้ชายและผู้หญิง ยอมรับว่า “มันถือเป็นโลกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”
โดยผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีการแกว่งตัวผันผวนอย่างมาก นั่นทำให้ผู้บริหารระดับสูงหลายคน อธิบายถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของจีน
Ermenegildo Zegna ประธานและซีอีโอกลุ่มสินค้าหรูหราจากอิตาลี ยอมรับว่า ช่วงเวลาที่ท้าทายจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมาต้องแบกรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
หลังความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อกลุ่มชนชั้นกลาง ทำให้แม้แต่คนที่มั่งคั่งสูงในจีน มีความลังเลมากขึ้นในการใช้จ่าย
โดย LVMH หรือแบรนด์ Louis Vuitton ลักซ์ชัวร์รี่แบรนด์อันดับหนึ่งของโลก ที่ยอดขายจากจีนช่วยให้บริษัทกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในยุโรป ยอมรับว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ในช่วงเทศกาล “ช้อปปิ้งวันคนโสด” ครั้งใหญ่ของจีน ยอดขายอาจไม่เติบโตมากนัก
Silvio Napoli ซีอีโอบริษัท Schindler Holding AG ระบุว่า “มาจนถึงตอนนี้ขอเน้นย้ำว่ายังไม่มีการฟื้นตัวที่ชัดเจนหรืออยู่ในสายตาเลย..”
หลังจากผู้ผลิตลิฟต์และบันไดเลื่อนสัญชาติสวิส รายงานรายได้ประจำไตรมาส 3/67 ไม่ดีมากนัก
แหละที่สำคัญยังไม่เห็นสัญญาณใดที่บ่งชี้ว่าตลาดได้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยรายได้จากจีน คิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้ทั้งหมดของ Schindler ช่วงปีที่ผ่านมา
งานนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลปักกิ่งที่จะฟื้นเศรษฐกิจกลับมาได้อย่างไร มิเช่นนั้นแล้วเหล่าบรรดาแบรนด์หรู ระดับโลกเหล่านี้อาจต้องม้วนเสื่อกลับบ้านก็เป็นได้..!!??