ฉลุย! ดีลควบ “GULF-INTUCH” ไร้ผู้ถือหุ้น “ขายคืน” หลังเปิดรับซื้อ “ส่วนคัดค้าน”
GULF-INTUCH แจ้งผลรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น “ส่วนคัดค้าน” ดีลควบรวม ระหว่างวันที่ 17-30 ต.ค. 67 ไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดแสดงความประสงค์ขายหุ้นให้ผู้รับซื้อ
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567เกี่ยวกับการจัดให้มีผู้รับซื้อหุ้นของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ INTUCH ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ของบริษัทฯที่ราคา 56.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดระยะเวลารับซื้อหุ้นในวันที่ 17-30 ตุลาคม 2567 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่อ้างถึงนั้น บริษัทฯขอเรียนให้ทราบว่าบัดนี้ได้ครบกำหนดระยะเวลาการรับซื้อหุ้นที่กำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีผู้ถือหุ้นที่คัดค้านรายใดแสดงความประสงค์ขายหุ้นของบริษัทฯให้แก่ผู้รับซื้อหุ้น
ด้านนายเมโธ เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการเงิน และรักษาการหัวหน้าสายงานการเงินและบัญชี INTUCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นเดียวกันเกี่ยวกับการจัดให้มีผู้รับชื่อหุ้นของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ GULFที่ราคา 91.00 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดระยะเวลารับซื้อหุ้นในวันที่ 17-30 ตุลาคม 2567 บริษัทฯขอเรียนให้ทราบว่าบัดนี้ได้ครบกำหนดระยะยะเวลาการรับซื้อหุ้นที่กำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรากฏว่าไม่มีผู้ถือหุ้นที่คัดค้านรายใดแสดงความประสงค์ขายหุ้นของบริษัทฯให้แก่ผู้รับซื้อหุ้น
อนึ่งก่อนหน้านี้ในส่วนของการรับซื้อหุ้นสามัญ GULF จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านมีจำนวน 715,100 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.0068% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยราคารับซื้อคือราคาปิดของวันก่อนหน้า (2 ต.ค.67) ซึ่งเท่ากับ 56.50 บาทต่อหุ้น มูลค่า 40.40 ล้านบาท
ส่วนการรับซื้อหุ้นสามัญของ INTUCH จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านธุรกรรมการควบบริษัทมีผู้คัดค้านจำนวน 33,794,783 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2429% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยราคารับซื้อคือราคาปิดของวันก่อนหน้า (2 ต.ค.) ซึ่งเท่ากับ 91 บาทต่อหุ้น มูลค่า 3.08 พันล้านบาท