MTC ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ขายเกลี้ยง รับเงิน 4 พันล้าน ลุยขยายพอร์ตสินเชื่อ

MTC ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ขายเกลี้ยง มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ใช้เป็นเงินเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ และตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.20% และปักธงสู่ World Class Thai Microfinance คุณภาพมาตรฐานระดับสากล


นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2567 ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี, หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 2 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 7 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้  อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ A-(tha) แนวโน้มอันดับเครดิต “มีเสถียรภาพ” ซึ่งจัดโดยฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 โดยผลการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม สามารถปิดการขายได้เต็มจำนวน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท

สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้ และ/หรือ ใช้เป็นเงินเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมและพร้อมสร้างสังคมไทยให้เป็นสุข

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าสินเชื่อปี 2567 เติบโต 15-20% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.20% ควบคู่การปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรมภายใต้หลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

 “บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสังคมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินตามเป้าหมายของสหประชาชาติ ผ่านสาขากว่า 7,980 แห่ง โดยเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม สร้างสังคมไทยให้เป็นสุข และตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20% พร้อมกับคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.20% และปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง พัฒนากระบวนการปล่อยสินเชื่อตลอดห่วงโซ่ของกิจการ เพื่อรักษาผลประโยชน์และตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้เกิดความประทับใจสูงสุด” นายปริทัศน์ กล่าว

บริษัทฯ คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน จนได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) รวมถึงผลประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Rating) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระดับ A และผลประเมิน MSCI Index ในระดับ AA ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) รวมถึงความร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลก อาทิ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) รัฐบาลเยอรมนี (KfW DEG) บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation : IFC) ซึ่งเป็นสถาบันในกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) และยินดีที่จะระดมความร่วมมือกับแหล่งเงินทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอีกหลายแห่งในอนาคต เพื่อสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต รักษาเสถียรภาพทางสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นที่พึ่งทางการเงินและเติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน

Back to top button