กษ. หารือ เอกอัครราชทูตจีน ขยายส่งออก “ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง” เพิ่มรายได้เกษตรกรไทย
ศ.ดร.นฤมล รมว.นฤมล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีน สานสัมพันธ์การค้า เล็งขยายตลาดส่งออก “ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง” เพิ่มรายได้เกษตรกรไทย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (31 ต.ค.67) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือร่วมกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Han Zhiqiang)
โดยมี นายถาวร ทันใจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อหารือถึงความร่วมมือด้านการเกษตร สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ที่จะครบรอบ 50 ปี ในปี 2568
ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การหารือทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนนโยบายที่สำคัญระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยมีนโยบายในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ให้มีความอยู่ดีกินดี มีรายได้เพิ่มขึ้น พัฒนาการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการผลิตสินค้าเกษตร
พร้อมส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ขยายตลาดสินค้าเกษตรที่มีอยู่เดิมและเพิ่มตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้แนวทางตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ทั้งนี้ยังได้มีการหารือถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยไปจีน ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางรถไฟไทย – ลาว – จีน
รวมทั้งการเปิดด่านท่าเรือกวนเหล่ยของจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นช่องทางสำคัญในการขนส่งสินค้าเกษตรทำให้ไทยสามารถมีช่องทางส่งผลไม้ไปจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงขอให้จีนช่วยผลักดันสินค้าเกษตรไทยที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรไทย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะใช้กรอบความร่วมมือที่มีอยู่ในการส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือทางวิชาการ และฝ่ายจีนพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการความร่วมมือทางวิชาการให้กับฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ผลักดันการลงนามในพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหาร ด้านการสัตวแพทย์ และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปประเทศจีน และติดตามความคืบหน้าการเปิดตลาดสินค้าเกษตร เช่น โคมีชีวิต สินค้าพืช และประมง
อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.นฤมล มีกำหนดการเดินทางไปยังนครคุณหมิง (Kunming) เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเกษตรประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 3 (GMS Agricultural Ministers’ Meeting) ระหว่างวันที่ 19 – 22 พฤศจิกายน 2567 จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายจีน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการและการค้า และอาจเป็นโอกาสในการลงนามในพิธีสารดังกล่าว ซึ่งฝ่ายจีนตอบรับที่จะสนับสนุนให้มีการลงนามต่อไป
ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 1 ของไทย ในระหว่างปี 2564 – 2566 มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรร้อยละ 22.11 ของมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลก
โดยในปี 2564 มีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร 447,403 ล้านบาท และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 และ 2566 เป็นมูลค่า 499,166 ล้านบาท และ 543,962 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรเฉลี่ยปีละ 496,844 ล้านบาท โดยมีอัตราการค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10.26 ต่อปี สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.) ทุเรียนสด, 2.) มันสำปะหลังฝานหรือทำเป็นเพลเลต, 3) สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง, 4.) ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ในทางเทคนิค และ 5.) ผลไม้และลูกนัตอื่น ๆ