ตัวแบกหุ้นไทย
ประเด็นที่ทุกคนจับตามองเป็นพิเศษคงเป็นเรื่องเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงกับ “การเมืองระหว่างประเทศ”
ประเด็นที่ทุกคนจับตามองเป็นพิเศษคงเป็นเรื่องเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงกับ “การเมืองระหว่างประเทศ” และยังกระทบต่อ “เศรษฐกิจโลก” อย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนชะลอลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจเสียก่อน เพราะข้อมูลสถิติที่เคยบอกไว้ว่า หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ หุ้นทั่วโลกมักปรับตัวขึ้นแรง มันอาจไม่เป็นเหมือนที่ประเมินไว้น่ะซี
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อน และข้อมูลที่ทุกคนรับรู้ ณ เวลานี้ก็คือ ใครมาก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง..ส่วนจะโดนมากโดนน้อยก็ต้องดูเป็นเคส ๆ แต่อย่างหนึ่งที่ทุกคนรับรู้เป็นอย่างดีก็คือ อเมริกันเฟิร์ส! “โมนิก้า” เลยรู้สึกสงสัยว่า ตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าวจริงเหรอ? เพราะถ้าได้รับผลดีจากการเลือกตั้งดังกล่าวจริง ๆ นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นไทย (วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 24 ล้านบาท) ทำพระแสงด้ามหอกอะไรมิทราบ!
ตรงนี้เป็นประเด็นที่ “โมนิก้า” ต้องพูดกับแฟนคลับให้ชัด ๆ อีกครั้งว่า ถ้าเชื่อมั่นในสถิติก็ต้องลุยแบบสุดซอย..ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าฝืนเข้าไปเล่นดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็มีกองทุนที่คอยทำหน้าที่เป็นตัวแบกหุ้นไทย และการที่ดัชนีประคองตัวยืนปิดที่ระดับ 1,462.95 จุด ลบไป 1.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.83 หมื่นล้านบาท ก็ต้องชมเชยบรรดากองทุนมากเป็นพิเศษ เพราะช่วยให้แมงเม่าอุ่นใจได้ในระดับหนึ่งพะย่ะค่ะ
โดยเฉพาะการผงกหัวขึ้นของ AOT พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 62.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 389 ล้านบาท ทั้งที่แสดงอาการเหมือนจะเอาตัวไม่รอด แต่สุดท้ายก็ขยับก้นขึ้นมาได้แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทุกคนรับรู้มาเป็นเวลานานแล้วว่า ไตรมาส 4 คือไฮซีซั่นของธุรกิจ ราคาหุ้นก็ควรจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่..จริงไหมคะ
เช่นเดียวกับในรายของ CBG ก็มีสตอรี่เกี่ยวกับการเติบโตเป็นแบ็กอัพ และผลงานในปี 67 น่าจะโตกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงไม่เคยข้องใจเมื่อเห็นราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นอีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 79.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 32 เท่ายังห่างไกลจากราคาเป้าหมายที่บรรดาโบรกเกอร์ให้ไว้ในระดับ 88 บาทเจ้าค่ะ
ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกข้องใจเหลือเกิน เพราะเริ่มมีแรงขายออกมาอีกครั้ง คงต้องมองไปที่หุ้น TLI เพื่อชี้ให้เห็นการลงมายืนปิดที่ระดับ 10.60 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 282 ล้านบาท มันทำให้มูฟเมนต์ของหุ้นดูไม่ค่อยดี เพราะอาการแบบนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่หุ้นก็ดีดตัวขึ้นใหม่ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะเหมือนกับเที่ยวก่อนไงล่ะจ๊ะ
ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่ต้องลุ้นขึ้นมาทั้งที ก็ขอมองไปที่หุ้นอาหารหมาแมวอย่าง AAI เป็นรายถัดมา เพราะการทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 6.15 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 165 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ทำให้นักเล่นต้องคิดกันว่า เกิดอะไรขึ้น? เพราะหุ้นทำทางขึ้นมาค่อนข้างดี และอยู่ในช่วงของการย่ำฐานเพื่อเดินหน้าขึ้นต่อ จู่ ๆ ดันมาโดนขายแบบนี้..เป็นใครก็ต้องคิดทั้งนั้นว่า จบรอบหรือเปล่า?
สำหรับหุ้นเล็กที่มีแรงซื้ออัดแน่นเข้ามาตลอดทั้งวันอย่าง A5 ก็เป็นช็อตที่เหมาะต่อการโหนกระแสอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีเรื่องของผลงานที่ปีนี้โตตามเป้าเป็นแรงหนุน ขณะเดียวกันก็มีเรื่องอัพเกรดตัวเองขึ้นไปอยู่ SET เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนสถาบัน “โมนิก้า” เลยมองว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.90 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 5 เท่า..น่าสนใจนะจะบอกให้
ส่วนหุ้นเทรดที่ “เทรดมัน เทรดสนุก” และเหมาะสำหรับแมงเม่าอย่างแท้จริง คงต้องมองไปที่หุ้นอาหารญี่ปุ่น MAGURO เพราะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้นลงไปในกรอบ 16-19 บาทมาแล้วสองรอบด้วยกัน “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 18.70 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89 ล้านบาท อาจเป็นการฉีกกรอบเดิม ๆ ที่เคยเป็นมาหรือเปล่า? เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ สนุกแน่ค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน