จับตาครม. เคาะ “ซอฟต์โลน” 5.5 หมื่นล้าน ฟื้นฟูหลังน้ำท่วมลด
“แพทองธาร” นั่งหัวโต๊ะประชุมครม. วันนี้ จับตาไฟเขียว “ซอฟต์โลน” วงเงิน 5.5 หมื่นล้าน ฟื้นเศรษฐกิจหลังอุทกภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ย. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ ดังนี้
กระทรวงการคลัง จะเสนอออกมาตรการ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ กรอบงบประมาณ 55,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ คือ
- สินเชื่อ “ซื้อ-สร้าง” วงเงิน 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือคอนโดมิเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย
- สินเชื่อ “ซ่อม-แต่ง” วงเงิน 5,000 ล้านบาท สินเชื่อ ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มเพื่อต่อเติมบ้าน หรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
ขณะที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเสนอให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 กรอบวงเงิน 2,553,009,800 บาท เพื่อสร้างรายได้ หรือลดรายจ่ายในครัวเรือนให้แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ให้สามารถทำการผลิตได้ทันทีหลังน้ำลด เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้ประสบภัย ให้สามารถประกอบอาชีพการเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้และผลผลิต เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ในระยะเวลาอันสั้น
จำนวน 8 โครงการ ประกอบด้วย
– โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
– โครงการสกัดการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืช เชื้อราและการสนับสนุนพันธุ์พืช และปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ปี 2567/2568
– โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ประสบอุทกภัย
– โครงการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ของกรมปศุสัตว์
– โครงการส่งเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง
– การเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อพลาสติกและในกระชังบก
– การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรและซ่อมแซมเครื่องจักรกลเกษตร
– การลดภาระหนี้สินของสมาชิกสถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน กรณีรายได้ไม่พอสําหรับรายจ่าย ประจําปีงบประมาณ2568 ขององค์การชนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)