ส่องหุ้นรับประโยชน์ “ทรัมป์-แฮร์ริส” ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
บล.กสิกรไทย มองความเป็นไปได้ 4 สถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ ว่าฝ่ายของ โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ กมลา แฮร์ริส ส่องหุ้นรับประโยชน์นโยบายหากฝ่ายใดชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทั่วโลกแกะติดตามการเลือกประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ (5 พ.ย.67) ตามเวลาสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศมหาอํานาจ และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน ดังนั้นทั่วโลกลุ้นระทึกสหรัฐเริ่มนับคะแนนเลือกตั้งเช้าวันพุธ (6 พ.ย.) 07:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
โดยรายละเอียดเวลาการปิดหีบและเริ่มนับคะแนนเลือกตั้งในแต่ละรัฐ โดยอิงเวลามาตรฐานฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (EST) และแสดงตัวเลขคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Votes) ในแต่ละรัฐ ซึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS ระบุว่า มองความเป็นไปได้ 4 สถานการณ์คือ 1) Red sweep คือหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ และได้เสียงข้างมากทั้งในสภาบนและสภาล่าง จะเป็นลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง จากแนวโน้มความขัดแย้งทางการค้าโลกเพิ่มสูงขึ้น (Trade war theme),
2) หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ และได้เสียงข้างมากในสภาบนหรือสภาล่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็นบวกต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาษี และเพิ่มการผลิตการจ้างงานในประเทศ (Stimulus theme),
3) Blue sweep คือหาก กมลา แฮร์ริส ชนะ และได้เสียงข้างมากทั้งในสภาบนและสภาล่าง จะเป็นลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง จากแนวโน้มความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น หรือความเสี่ยงเรื่องสงครามในตะวันออกกลางและยุโรปเพิ่ม (Real war) และ
4) หาก กมลา แฮร์ริส ชนะ และได้เสียงข้างมากในสภาบนหรือสภาล่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็นบวกอ่อนๆต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง จากความต่อเนื่องของนโยบายและการบริหาร (Continuity theme)
นอกจากนี้ทางฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน ส่งผลให้เงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้นจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่ม อัตราดอกเบี้ยจึงมีแนวโน้มจะทรงตัวในระดับสูงนาน และค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ฝ่ายนักวิเคราะห์มองได้ประโยชน์เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม คือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, กลุ่มประกัน คือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI , กลุ่มส่งออก คือ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF
ขณะที่มองว่าหาก กมลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง แนวโน้มเงินเฟ้อคาดทยอยปรับลดลงต่อ อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับลดลงตามและค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า
โดยกลุ่มหุ้นที่มองได้ประโยชน์เช่น กลุ่มการเงิน คือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, กลุ่มโรงไฟฟ้า คือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, กลุ่มสื่อสาร คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, กลุ่มปิโตรเคมี คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC