KKPS มองจังหวะเก็บ TOP ชูยีลด์สูง 7% พ่วงรับค่าการกลั่นสิงคโปร์ฟื้น

บล.เกียรตินาคินภัทร มองจังหวะเก็บ TOP ยังมีอัตราปันผลตอบแทนที่สูงที่ 6-7% ในช่วงปี 67-68 รวมถึงค่าการกลั่นสิงคโปร์กำลังฟื้นตัว โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท แม้ได้รับกระทบปัญหาความล่าช้าของโครงการ CFP


ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี สืบเนื่องจากปัญหาความล่าช้าของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อันเนื่องจากการประท้วงหยุดงานของผู้รับเหมาช่วง หลังผู้รับเหมาหลัก UJV-Samsung, Petrofac และ Saipem ค้างชำระค่างวดงานอย่างต่อเนื่องมานานหลายเดือน

สำหรับโครงการ CFP ของบริษัท ไทยออยล์ เป็นสัญญาจัดจ้างแบบ EPC  โดยผู้รับจ้างจะมีหน้าที่ในการออกแบบ (Engineering) จัดหาวัสดุและอุปกรณ์ (Procurement) และก่อสร้าง (Construction) จนกว่างานจะเสร็จสมบูรณ์ตามที่กำหนด โดยรวมถึงการทดสอบและส่งมอบโครงการให้ผู้ว่าจ้างใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

ด้านขอบเขตงานของโครงการ CFP ประกอบด้วย การก่อสร้างหน่วยกลั่นเพิ่มเติม สามารถแบ่งเป็น 6 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 หน่วยกลั่น Hydrocracking Unit (HCU-3) และ Residue Hydrocracking Unit (RHCU) กลุ่มที่ 2 หน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (Crde Distillation Unit-4 : CDU-4)

กลุ่มที่ 3 หน่วยกลั่น Hydrogen Manufacturing Unit (HMU-3 / PSA-4) กลุ่มที่ 4 หน่วยปรับปรุงคุณภาพ Hydro Treating Unit (HDT-4) และ Hydro De-sulfurization Unit (HDS-4) กลุ่มที่ 5 หน่วยผลิตกำมะถัน Sulphur Recovery Unit (SRU) และกลุ่มที่ 6 หน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recover Unit, ERU) นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างหน่วยสาธารณูปโภคต่างๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องด้วย

สอดคล้องกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) KKPS ระบุว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงสะท้อนถึงปัจจัยลบจากความเสี่ยงด้านการก่อสร้าง และความไม่แน่นอนของการ COD โครงการ CFP ของ TOP ไปเกือบหมดแล้ว

อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์ระบุว่าขณะนี้ TOP มีค่า P/B ที่ต่ำเพียง 0.5 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่อยู่ที่ 1.1 เท่า และยังมีอัตราปันผลตอบแทนที่สูงที่ 6-7% ในช่วงปี 67-68 จึงมองว่าอาจให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงในขณะนี้ รวมถึงยังเป็นในช่วงที่ค่าการกลั่นสิงคโปร์กำลังฟื้นตัว โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท

Back to top button