วันตัดสินอนาคตอเมริกา

วันนี้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ก็คงจะได้รับรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่รออย่างใจจดจ่อ


วันนี้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ก็คงจะได้รับรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่รออย่างใจจดจ่อพร้อมกันทั่วโลกจะเป็นใคร เพราะการเลือกตั้งผู้นำฝ่ายบริหารสูงสุดของประเทศที่มีเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกทุนนิยมนั้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนหลากหลายกลุ่มทั่วโลก นอกเหนือจากคนอเมริกันเอง

ผู้สมัคร 2 คนที่น่าสนใจคือนายโดนัลด์ ทรัมป์นักการเมืองผู้ฉาวโฉ่ที่เคยขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาแล้ว 1สมัย แต่ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อนที่คราวนี้เขาหวนกลับคืนมาทวงตำแหน่งคืน ด้วยการประกาศนโยบายเดิมที่ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง (making America great again)

ส่วนผู้สมัครอีกคนหนึ่งที่เข้าข่ายมีสิทธิคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้แก่นางกมลา แฮร์ริส  อดีตอัยการและรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตในสมัยที่ผ่านมา

ทั้งสองคนมีนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันอย่างมาก  โดยนายทรัมป์ประกาศอย่างชัดเจนเรื่องผู้อพยพที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจะต้องถูกควบคุมตัวส่งกลับประเทศข้อหาลักลอบเข้าเมือง และนโยบายต่อพวกเพศทางเลือกหรือ LGBTQ เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพียง 2 เพศเท่านั้น

นอกจากนั้น ทรัมป์ก็ยังมีจุดอ่อนเรื่องที่ถูกฟ้องในคดีปลอมแปลงเอกสารค่าใช้จ่าย เพื่อปิดปากดาราหนังโป๊ด้วยเงิน 130,000 ดอลลาร์ แล้วถูกศาลนิวยอร์กลงมติว่าเขามีความผิดในทุกข้อกล่าวหารวม 21 กระทง  ที่ร้ายไปกว่านั้นคนอเมริกันไม่น้อยยังคงจดจำเรื่องการโกหกสารพัดเรื่องของเขาเหมือนในเพลง Don’t lie to me ที่ขับร้องโดยบาร์บารา สไตรแซนด์ที่ในอดีตเคยติดท็อปชาร์ตนานนับเดือนมาแล้ว  และนโยบายต่างประเทศบางเรื่องของทรัมป์ก็เป็นไปได้ยาก เช่นการประกาศจะยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในทันทีทันใด

ส่วนนางแฮร์ริส ลูกครึ่งอินเดีย-จาไมกา ซึ่งมีท่าทีต่อคนผิวสีที่ยืดหยุ่นกว่าทรัมป์ และมีนโยบายต่างประเทศที่ยืดหยุ่นมาก โดยเฉพาะการรับมือในปัญหาการค้ากับจีนที่ยืดเยื้อ เนื่องจากจีนนั้นมีความได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด

การเสียงหาเสียงของทั้งคู่ค่อนข้างดุเดือด จนกระทั่งนักการเมืองรุ่นเก่าที่ยังมีบารมีสูงอย่างบารัก โอบามาและบิล คลินตัน ต้องออกมาช่วยนางแฮร์ริสที่ดูเสียเปรียบในบางรัฐเพราะนโยบายที่ไม่หวือหวาเท่าทรัมป์  จากผลโพลสำรวจทางการเมืองตอกย้ำว่านายทรัมป์นั้นยังมีคะเนนนิยมสูงในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวขาวชาย แต่คะแนนเสียงในบรรดาคนผิวสีนั้นนางแฮร์ริสนำโด่งมาทีเดียว

แม้ตอนเช้าวันนี้คะแนนจะยังคงนับกันไม่เสร็จแต่ที่ลุ้นกันอยู่คือคะแนนอิเล็กโตรอลโหวตของแต่ละรัฐ โดยเฉพาะในรัฐที่เรียกว่ารัฐสมรภูมิ (Swing State) อาจต้องลุ้นผลหนัก ซึ่งจะเป็นคะแนนตัดสินชี้ขาดว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ  และชี้ว่าอนาคตของอเมริกาและโลกจะเป็นเช่นไร

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button