CGSI ชู ERW-CENTEL ท็อปพิก “กลุ่มท่องเที่ยว” ชี้ราคาสะท้อนปัจจัยลบแล้ว-ไตรมาส 4 ไฮซีซั่น
“ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่ม “ท่องเที่ยว” หลังมองว่าราคาสะท้อนปัจจัยลบแล้ว พร้อมชู 2 หุ้นเด่น ERW-CENTEL เนื่องจากทั้งสองแห่งมีสัดส่วนธุรกิจในประเทศสูงกว่าคู่แข่ง
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว underperform ดัชนี SET 8% ในเดือนต.ค.67 และ 14% นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าเกิดจากกระแสข่าวเชิงลบคือสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของไทยและมัลดีฟส์เติบโตต่ำในเดือนก.ย.67 เนื่องจากลูกค้ายกเลิกการจองห้องพักเพิ่มมากขึ้นจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และผู้ประกอบการโรงแรมให้แนวทางว่ารายได้ต่อห้อง (RevPAR) พักจะอ่อนตัวในไตรมาส 3/67
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนไทยรวม 2.63 ล้านคนในเดือนต.ค. 67 ทำให้ยอดรวม 10 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 28.6 ล้านคน จึงเชื่อว่าสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ เพราะนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์จากจีนยังกลับมาค่อนข้างน้อย และข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยวระบุว่านักท่องเที่ยวจีนช่วง 9 เดือนของปีนี้ มีสัดส่วนเพียง 62% ของสถิติช่วงเวลาเดียวกันของปี 62
ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ บวกกับคนจีนนิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยจะมีสัดส่วนเพียง 60-70% ของสถิติก่อนโควิด (ปี 62) ไปอีก 6-12 เดือน ดังนั้นจึงปรับลดประมาณการสถิตินักท่องเที่ยวปี 67 และ 68 จาก 36 ล้านคนและ 40 ล้านคน เป็น 35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.5% จากปีก่อน และ 38 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน ตามลำดับ
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า แม้ปรับลดประมาณการสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการโรงแรมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีสัดส่วนโรงแรมระดับพรีเมียมอยู่ในพอร์ตสูง จะยังได้ประโยชน์จากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 67-68 เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนนิยมพักโรงแรมระดับไฮ-เอนด์มากขึ้น จึงมองว่าผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจะเห็นได้ชัดเจนกว่าในโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวลงไป
นอกจากนี้ เชื่อว่า AOT จะได้รับผลกระทบในส่วนของค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งประเมินว่าสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงทุก 1 ล้านคน (กรณีของ AOT จะเทียบเท่าจำนวนผู้โดยสาร 2 ล้านคน) จะทำให้รายได้และกำไรปกติต่อหุ้นในปี 68 ของ AOT มี downside 1.5% และ 4% ตามลำดับ
พร้อมกันนี้ คาดการณ์ว่า RevPAR โดยรวมของโรงแรมในปี 68 จะเติบโตจาก ADR ไม่ใช่จากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าอุปสงค์ที่เติบโตสูงขึ้นเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว น่าจะเปิดโอกาสให้โรงแรมไทยปรับขึ้น ADR ได้มากกว่าโรงแรมในสเปน, อิตาลีหรือมัลดีฟส์ ดังนั้นในปีหน้าจึงคาดการณ์ว่า ADR ของโรงแรมไทยจะเพิ่มขึ้นราว 5% เทียบกับโรงแรมในต่างประเทศที่น่าจะเพิ่มไม่เกิน 5% จากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในสเปนและอิตาลี และการแข่งขันที่รุนแรงในมัลดีฟส์
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าการที่ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวลงช่วงนี้ น่าจะเพียงพอที่สะท้อนปัจจัยลบจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าในปี 67 และกำไรไตรมาส 3/67 ที่น่าจะอ่อนตัวแล้ว นอกจากนี้ คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อกลุ่มท่องเที่ยวจะดีขึ้นช่วงไฮ-ซีซั่นในไตรมาส 4/67 และ RevPAR จะกลับมาเติบโตตามปกติหลังอยู่ในระดับต่ำในเดือนก.ย. 67
อีกทั้งคงประมาณการกลุ่มท่องเที่ยวจะมีกำไรปกติต่อหุ้นเติบโตแข็งแกร่ง 20% จากปีก่อน ในปี 68 (โรงแรม +26% จากปีก่อน และ AOT โต 17% จากปีก่อน) จึงยังแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) กลุ่มท่องเที่ยว โดยเลือก ERW และ CENTEL เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากทั้งสองแห่งมีสัดส่วนธุรกิจในประเทศสูงกว่าคู่แข่ง
ขณะที่ราคาของ MINT และ SHR น่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนและจากตราสารอนุพันธ์ในไตรมาส 3/67 ส่วน AOT มองเชิงบวกน้อยสุด เนื่องจากบริษัทอาจต้องใช้งบลงทุนสูงขึ้น รวมถึง EPS ที่น่าจะเติบโตลดลงตามการลดลงของรายได้ผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (MAG) และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก