INETREIT กวาดกำไร Q3 ทะลุ 120 ล้าน แจกปันผล 0.2000 บาท XD 20 พ.ย.นี้
INETREIT ประกาศงบไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 120.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.18% ส่วนรายได้รวม 161.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19% สะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจศูนย์ข้อมูล พร้อมจ่ายปันผล 0.2000 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 20 พ.ย.นี้
นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม – กันยายน) บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 161.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 120.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าจากการเพิ่มขึ้นของ racks ใน IDC 3 เฟส 2.1 ซึ่งกองทรัสต์ได้เข้าซื้อในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้บริการศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสัญญาเช่าทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ฯ ที่มีการปรับขึ้นค่าเช่าปีละ 2% ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม – กันยายน) ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 427.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 286.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน (เงินปันผล) สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ในอัตรา 0.2000 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 2.25% จากราคาหน่วยทรัสต์ที่ 8.90 บาท ณ สิ้นวันทำการไตรมาส 3 ปี 2567 (30 กันยายน 2567)
ทั้งนี้ INETREIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทยที่ลงทุนในสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยี Data Center ทั้งหมด โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมมากกว่า 7,300 ล้านบาท ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานด้านดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของ INETREIT สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก ที่กำลังมุ่งสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของธุรกิจ E-commerce, FinTech, Cloud Computing, Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี 5G ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง INETREIT พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน
นายสุตกานต์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการเติบโตของ Data Center ในประเทศไทย มีศักยภาพในการเติบโตสู่การเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้ มีเสถียรภาพทางการเมือง และมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการ Data Center เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ INETREIT ในฐานะผู้นำด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ
นอกจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่ส่งผลดีต่อ INETREIT อาทิ นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล การขยายตัวของธุรกิจ Data Center และ Cloud Computing รวมทั้ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไร และผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
“INETREIT เรามุ่งมั่นที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน” นายสุตกานต์ กล่าว