BE8 บวก 4% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 20.50 บาท ชี้กำไรไตรมาส 4 โตแกร่ง

BE8 วิ่ง 4% โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท หลังรายงานกำไรไตรมาส 3 โตกว่าคาด และคาดการกำไรไตรมาส 4 โตแกร่ง จากการขับเคลื่อนของการลงทุนภาครัฐ และลงทุนในธนาคารไร้สาขา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ณ เวลา 10:59 น. อยู่ที่ระดับ 16.90 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.68% สูงสุดที่ระดับ 16.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15.16 ล้านบาท

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 20.50 บาท เนื่องจาก 1) การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/67 และปี 68 (โต 65%) และ 2) Valuation ถูก โดยหุ้น BE8 ซื้อขายอยู่ที่อัตราส่วน PEG ที่ 0.5 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่เราวิเคราะห์

ทั้งนี้กำไรหลักในไตรมาส 3/67 (โต 28% จากไตรมาสก่อน) สูงกว่าที่คาดไว้ 18% แต่สอดคล้องกับประมาณการของตลาด คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปีงบ 68 จะเติบโต 65% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากภาครัฐและการ ลงทุนในธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank)

ด้านกำไรหลักไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 44 ล้านบาท ลดลง 41% จากปีก่อน, โต 28% จากไตรมาสก่อน) สูงกว่าที่เราคาดการณ์ ไว้ที่ 37 ล้านบาท และสอดคล้องกับประมาณการของตลาด โดยกำไรที่สูงกว่าคาดการณ์เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมสูงกว่าคาด ซึ่งกำไรไตรมาส 3/67 ที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปีงบ 67 ขึ้น 4% โดยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 0.7% pt และลดค่าใช้จ่าย SG&A ลง1%

พร้อมกันนี้ คาดการณ์ว่ากำไรหลักในไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 47 ล้านบาท (ทรงตัวจากปีก่อน, โต 6% จากปีก่อน) โดยการเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนนี้น่าจะได้รับแรงหนุนจากการชนะประมูลโครงการภาครัฐที่เพิ่มขึ้น (เช่น โครงการ digital transformation และความปลอดภัยทางไซเบอร์) เนื่องจากงบลงทุนจากสอง ปีงบประมาณของภาครัฐ (ปีงบ 67 และปีงบ 68) จะถูกนำมาใช้ในไตรมาส 4/67

นอกจากนี้การ อนุมัติงบประมาณปี 67 ที่ล่าช้า ทำให้ 35% ของงบประมาณลงทุนของภาครัฐถูกเลื่อนมา เบิกจ่ายในปีงบ 68 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67

อีกทั้งงบลงทุนปีงบ 68 สะท้อนการเติบโตที่ 6% เมื่อเทียบกับปีงบ 67 คาดการณ์กำไรหลักปี 68 เติบโต 65% คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปีงบ 68 จะเติบโต 65% โดยมีการเติบโตของรายได้ที่ 17% และประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (ต้นทุนพนักงานและค่าเสื่อมราคาค่อนข้างคงที่) ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ 17% แบ่งเป็นการเติบโต 9%/4%/4% จากโครงการภาครัฐ/การลงทุนใน ธนาคารไร้สาขา virtual banking investment /โครงการอื่นๆ ขณะที่อัพไซด์จะมาจากการซื้อ กิจการและดีลร่วมทุนในออสเตรเลีย

Back to top button