MC ยอดขายออนไลน์พุ่ง ดันกำไรไตรมาส 1/68 แตะ 133 ล้านบาท
MC โกยกำไรไตรมาส 1/68 งวดบัญชี (1 ก.ค.67 – 30 ก.ย.67) เติบโต 2.8% แตะ 133 ล้านบาท อานิสงส์ยอดขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น กางแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีก 15 จุด ภายในปีบัญชีนี้ พร้อมเดินหน้าธุรกิจแบบยั่งยืน
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC รายงานผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/68 งวดบัญชี(1 ก.ค.67 – 30 ก.ย.67) มีกำไรสุทธิ ดังนี้
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงภาพรวมผล ดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 (1 กรกฎาคม 2567 – 30 กันยายน 2567) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 129 ล้านบาท
โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 15.1% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14.4% และบริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin :GP) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องโดยในไตรมาส 1 นี้ อยู่ที่ระดับ 65.3%
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปีบัญชี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 842 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 882 ล้านบาท เป็นผลจากกำลังซื้อที่ลดลงในช่องทางออฟไลน์ อย่างไรก็ตามรายได้จากช่องทางออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในไตรมาสนี้ มีรายได้ 125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือ 25.7% รายได้จากการขายในช่องทางออนไลน์ที่โตขึ้นหนุนให้สัดส่วนรายได้จากร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้นเป็น 15% จาก 11% เมื่องวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ mcshop.com โดยมีแผนเปิดตัวในไตรมาส 2 รวมถึงบริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีกของตัวเอง และปรับปรุงจุดขายเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิด 15 จุด ภายในปีบัญชีนี้
ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมไปถึงความกังวลต่อสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลและขบวนการฮามาส ทำให้ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อหดตัวลง“แม็คกรุ๊ป” เรามีเป้าหมายเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
“ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 49 ปี บวกกับจุดแข็งที่เข้าใจในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผสานกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าคุณภาพ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอมา รวมไปถึงเรามีจุดขายที่ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีโรงงานผลิตสินค้าที่มีความชำนาญการ และมีศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองที่เปิดทำการในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาส” นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง มีส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ขึ้นมาอยู่ 3,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท จาก 30 มิถุนายน 2567 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 3,741 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นในการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานหลัก ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลและการรับรองมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO9001 สำหรับการจัดการคุณภาพ และISO/IEC 27001:2022 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเป็นรายแรกของธุรกิจรีเทลสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย รวมถึงการได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ในระดับ “AA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ปี 2567 ในระดับ “ดีเลิศ” เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนผ่านการลงทุนในโครงการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มดำเนินโครงการ Solar Rooftop ที่อาคารสำนักงานใหญ่ และคลังสินค้า (Mc Fulfilment Center) ในช่วงปีบัญชี 2566-2567 และในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 บริษัทฯ ได้นำร่องโครงการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มเติมที่ร้านค้าจำนวน 2 สาขา คือ Mc Outlet ปตท. มานะชัย นครปฐม และ Mc Outlet ปตท. เกียรติสมพงษ์ นครสวรรค์
ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และเป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วย รวมไปถึงการให้ความสำคัญในการเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังจิตสำนึกด้าน ESG โดยทำโครงการแยกขยะในสำนักงาน รวมไปถึงโครงการ “No Bag Campaign” ซึ่งลูกค้าจะได้รับแต้มสมาชิกเพิ่มเมื่อไม่รับถุงใส่สินค้า