SET บ่ายร่วง 11 จุด แรงขาย DELTA กดดัน-กังวลการเมืองไม่แน่นอน
SET ภาคบ่ายร่วง 11 จุด แรงขายหุ้น DELTA ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่า 1.9 ล้านล้านบาทออกมากดดันตลาด รวมถึงกังวลความไม่แน่นอนของทางการเมืองไทย และนโยบายต่างๆ ของเศรษฐกิจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 14:39 น. อยู่ที่ 1,444.71 จุด ลดลง 11.76 จุด หรือ 0.81% สูงสุดที่ 1,460.13 จุด ต่ำสุดที่ 1,443.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 26,513.57 บาท
โดยตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงกว่า 10 จุด จากความไม่แน่นอนของทางการเมืองไทย รวมถึงนโยบายต่างๆ ของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จากเม็ดเงินไหลออกไปสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหลังจากบิทคอยน์พุ่งแรง โดยมีแรงขายหุ้น DELTA ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่า 1.9 ล้านล้านบาทออกมากดดันตลาด
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย มักเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นบ้านเรา ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศ รวมถึงการเดินหน้า นโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยด้วย ขณะที่วานนี้มีความคืบหน้าประเด็น “6 คำร้อง” ทนายธีรยุทธ ยื่นตรวจสอบ พฤติกรรมของทักษิณและพรรคเพื่อไทย โดยล่าสุดอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือ หนังสือชี้แจงการดำเนินการ-รวบรวมหลักฐาน ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 67 ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดถกพิจารณา “รับ-ไม่รับ” คำร้องดังกล่าว ในวันที่ 22 พ.ย.67
นอกจากนี้ยังมีคำร้องทางการเมืองไทยที่น่าติดตามคือ “6 คำร้อง” ที่ยื่นต่อ กกต. ให้ พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมฯ โดยต้องจับตา กกต. จะยื่นคำร้องต่อให้ศาล รธน. พิจารณาหรือไม่ คาดเห็นความคืบหน้าช่วงปลาย พ.ย. 67
อีกหนึ่งประเด็น คือ ผลการประชุมบอร์ดแบงก์ชาติวานนี้ มีมติให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย คนถัดไป แทน นายปรเมธี วิมลศิริ ที่สิ้นสุดวาระลงเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ประธานกรรมการฯ จะนำเสนอชื่อต่อ ครม. ให้ความเห็นชอบ และทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ธปท. มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางกรอบ และกำหนด นโยบายของ ธปท. อย่างไรก็ตาม แม้อำนาจหน้าที่ประธานบอร์ด ธปท. จะไม่สามารถ ปลดหรือตั้งผู้ว่า ธปท.ได้ รวมถึงไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ กนง.ได้ แต่ นักวิชาการหลายท่าน ยังมีข้อกังวลต่างๆ อาทิ หวั่นแทรกแซง ธปท. เพื่อสนอง นโยบายรัฐ, หวั่นลดความเป็นอิสระของ ธปท. ผ่านการแก้กฎหมาย, แก้กฎหมาย แบงค์ชาติ โอนหนี้กองทุน FIDF อยู่ภายใต้ ธปท. ฯลฯ สรุป ทางการเมืองของบ้านเรา ที่มีแนวโน้มร้อนแรงขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นยุบ พรรคเพื่อไทย รวมถึงความกังวลต่อการเป็นอิสระเดินหน้าโยบายการเงินของ ธปท. อาจกดดันให้ตลาดหุ้นผันผวน และอาจเป็นแรงผลักดันให้ฟันด์โฟลว์ไหลออก
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยต้นภาคบ่ายปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด รับแรงกดดันจากเงินทุนต่างชาติไหลออกกลับไปยังสหรัฐ และส่วนหนึ่งเข้าไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยหลังจากตลาดกลับมาคึกคัก อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทยบางบริษัทก็ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ไม่เหมือนกับไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมา ทำให้มีแรง sell on fact ออกมา
นอกจากนี้ ยังมีแรงขายกดดันตลาด เช่น กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันปรับตัวลง, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, KCE, HANA, CCET และหุ้น BH ที่ยังลงต่อเนื่อง จากงบที่ออกมาแย่กว่าคาด ให้แนวรับที่ 1,440 จุด และแนวต้าน 1,450 จุด
ส่วน บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีอ่อนตัวลงต่อและปิดสร้างแท่งเทียนแดงติดต่อกัน 3 ปี โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่ม COMMERCE ENERGY PROPERTY และ TOURISM จาก Fund Flow ที่ไหล ออกจากไทยเป็นปัจจัยกดดัน แนวรับ 1,445 จุด แนวต้าน 1,455 จุด