WHAIR จ่อระดมทุน 1.1 พันล้าน ดันพอร์ตสินทรัพย์แตะ 1.4 หมื่นล้าน ชูยีลด์สูง 8.33%
กองทรัสต์ WHAIR จ่อเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ระดมเงิน 1.1 พันล้านบาท ลงทุนเพิ่มเติมดันมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 1.4 หมื่นล้าน ชูยีลด์สูง 8.33% เสนอขาย RO วันที่ 18-22 พ.ย.นี้ และขายประชาชนทั่วไป 26-28 พ.ย.นี้ คาดโอนทรัพย์สินเสร็จปลายไตรมาส 4/67
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ WHA Group เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล หรือ กองทรัสต์ WHAIR เพื่อนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมมูลค่ารวมประมาณ 1,064.75 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง)
โดยจะมีแหล่งเงินทุนมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 720.65 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเงินสดของกองทรัสต์
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม และประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ WHAIR โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมสามารถจองซื้อได้ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ระหว่างวันที่ 18 – 22 พ.ย. 67 และจองซื้อที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสูงสุดที่ 6.60 บาท (กรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จองซื้อจะได้รับเงินส่วนต่างคืนภายในระยะเวลาที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน)
ส่วนสำหรับประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย และผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระหว่างวันที่ 26 – 28 พ.ย.67 และจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย (ซึ่งจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้ง)
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจของ KBANK ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR กล่าวว่า นอกจากแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ถือเป็นจังหวะที่ดีแล้ว WHAIR ยังเป็นกองรีทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นจากศักยภาพของทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมของ WHA Group ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์หลักสำหรับอุตสาหกรรมและการผลิตของประเทศ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการย้ายฐานการผลิต และการเติบโตของ FDI ในพื้นที่โซน EEC ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากอัตราการเช่าพื้นที่ของทรัพย์สินที่ WHAIR ลงทุนอยู่ในปัจจุบันและทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม ที่อยู่ในระดับที่สูง โดยการลงทุนเพิ่มเติมของกองทรัสต์ในครั้งนี้ มีประมาณการอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรก (Dividend Yield) ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ สูงถึง 8.33%
นางสาวจรีพร กล่าวอีกว่า ทรัพย์สินที่ขายเข้ากองทรัสต์ WHAIR ครั้งนี้ ทั้งหมดตั้งอยู่ในเขต EEC ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรีที่มีความโดดเด่นด้านทำเลที่มีศักยภาพสูงที่สามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก EEC เป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุนโดยเร่งขับเคลื่อนผลักดันพื้นที่นำร่องในเฟสแรก เป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมาย
อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ, อุตสาหกรรมการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งการเติบโตขึ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และการย้ายฐานการผลิต ตลอดจนการเติบโตของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ส่งผลบวกทั้งต่อธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในทำเลดังกล่าว
รวมถึงความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ WHAIR ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ทำให้เชื่อมั่นว่ากองทรัสต์ WHAIR จะสร้างโอกาสการลงทุนและผลตอบแทนอย่างมั่นคงให้กับนักลงทุน
ด้านนางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในครั้งนี้ ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางการลงทุนของอุตสาหกรรมการผลิตที่สําคัญของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และการลงทุนทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งช่วยส่งเสริมความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าของ WHAIR
สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในปัจจุบัน 91% ตั้งอยู่บนพื้นที่ EEC ซึ่งถือเป็น Magnet ในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุน จนส่งผลให้ภาครัฐบาล ต้องเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้พื้นที่ EEC เป็นต้นแบบ “สมาร์ท ซิตี้” และถือเป็นทําเลที่มีศักยภาพสูงในการจัดหาผู้เช่า สะท้อนให้เห็นจากผลการดําเนินงานของกองทรัสต์
โดยมีอัตราการเช่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. 67 สูงถึง 93.5% ขณะเดียวกันทรัพย์สินที่เข้าลงทุนบางส่วนตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากกรมศุลกากร ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลเชิงบวกต่อกองทรัสต์ WHAIR ที่จะเชื่อมโยงให้กลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทย และต่างชาติ ให้ความสนใจเช่าทั้งโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กองทรัสต์ WHAIR จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30+30 ปี ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 10 ยูนิต ใน 4 โครงการ พื้นที่รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร ประกอบด้วย
1.สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานจำนวน 6 ยูนิต ประกอบด้วยโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 3 ยูนิต และโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 3 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1
2.สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36
3.สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1
4.สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทคลังสินค้าจำนวน 2 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 3
และทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 67) สะท้อนถึงทรัพย์สินที่ดีมีคุณภาพ และศักยภาพในการสร้างรายได้ โดยการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ทั้งการเติบโตของ WHAIR ขยายพอร์ตสินทรัพย์ การกระจายความเสี่ยงของ Portfolio และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่นักลงทุน โดยภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHAIR มีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงกว่า 14,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตร โดยคาดโอนทรัพย์สินเสร็จปลายไตรมาส 4/2567
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 2 รอบ ตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมา และสำหรับประเทศไทยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 0.25% เมื่อเดือนตุลาคม และคาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังต่อเนื่องไปจนถึงปี 68 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของดอกเบี้ยขาลงอย่างสมบูรณ์ที่ไม่เกิดขึ้นอย่างยาวนานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จึงทำให้ดัชนีราคาของ Property Fund & REIT (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์และรีท) เริ่มทยอยปรับตัวขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนในการเลือกลงทุนในกองรีทที่มีผลงานคุณภาพดี ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ได้มีเพียงแค่ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่่สม่ำเสมอยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการปรับตัวของราคา