พาราสาวะถี

ถามว่ามีอะไรสอดคล้องกันหรือไม่ต่อการที่ ไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุดได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ


ถามว่ามีอะไรสอดคล้องกันหรือไม่ต่อการที่ ไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุดได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขณะเดียวกัน ธีรยุทธได้ไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในกรณีเดียวกัน ซึ่งศาลได้นัดพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ นั่นหมายความว่า กรณีของอัยการสูงสุดที่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงรายละเอียดในการสอบถ้อยคำ ทั้งทางฝั่งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง โดยในส่วนผู้ถูกร้องมีเพียงพรรคเพื่อไทยที่ได้ไปให้ถ้อยคำกับทางอัยการ โดยไม่ได้มีการสอบถ้อยคำทักษิณแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับหรือไม่รับคำร้องแต่อย่างใด

เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญถามเป็นการถามเพื่อให้ครบขั้นตอนว่า ได้มีการยื่นเรื่องมาที่อัยการสูงสุดแล้วหรือไม่ เมื่ออัยการสูงสุดไม่ได้พิจารณาดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็เป็นสิทธิของผู้ร้องที่จะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการดังกล่าวเป็นไปเช่นเดียวกันกับการยื่นยุบพรรคก้าวไกลทุกประการ อาจเรียกว่าเป็นพิธีกรรม ส่วนปลายทางก็ต้องไปลุ้นกันว่าจะมีการรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่

เบื้องต้นหากรับไว้พิจารณา จะเข้าสู่ขั้นตอนเพื่อที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของทักษิณและเพื่อไทยเป็นไปตามที่ผู้ร้องกล่าวหาหรือไม่ ก่อนที่จะนำไปสู่การชี้ขาดในประเด็นผู้ร้องระบุว่า ให้เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 ทรงเดิมเป๊ะ แต่พฤติกรรมอันเป็นมูลฐานแห่งความผิดนั้น แตกต่างจากก้าวไกลโดยสิ้นเชิง

กรณนี้ ชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะผู้ที่เดินทางไปให้ถ้อยคำกับอัยการสูงสุด ชี้ว่าทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย “มั่ว” แต่คงไม่ประมาทในเกมนิติสงคราม อย่างไรก็ตาม หากประเมินจากข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นการตัดแปะข่าวทั้งที่มีบุคคลให้สัมภาษณ์ชัดเจน และคุณแหล่งข่าวกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของทักษิณที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายครอบงำได้ แต่ความจริงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า มีการสั่งการ ชี้นำกันแบบไหน จนส่งผลให้พรรคเพื่อไทยทำตามที่สั่งทั้งหมด

อีกประการที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ความเป็นพ่อลูกของทักษิณกับหัวหน้าพรรค แพทองธาร ชินวัตร มองแนวทางในการต่อสู้ของฝ่ายเพื่อไทยแล้ว ถือว่ามีช่องทางเปิดกว้างที่จะโต้แย้งได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกันต่อการจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาล การกล่าวหาว่าถูกทักษิณครอบงำนั้นถือว่าเป็นไปได้ยาก เพราะทุกเรื่องที่จะทำต้องเป็นมติพรรค นั่นเป็นการปกป้องไม่ให้ลูกพรรคถูกครอบงำโดยหัวหน้าพรรค ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญก็ให้อิสระในการลงมติของ สส. อันจะเห็นได้ว่าหลายเรื่อง หลายคนไม่ได้ทำตามมติพรรคก็มี ก่อนจะถึงวันที่ 22 พ.ย. ต้องดูว่าจะมีความเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นหรือไม่

หากปรากฏบุคคล หรือกลุ่มคนใด นัดหมายรวมตัวหรือทำกิจกรรมในเชิงของการส่งสัญญาณกดดันกระบวนการพิจารณาของศาล หรืออาจเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล นั่นก็จะเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงรากที่มาของฝ่ายเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล ถึงตอนนี้แทบจะไม่ต้องคาดเดาหรือแยกแยะอะไรอีกแล้ว เหลือเพียงแค่ไม่กี่คน กี่กลุ่ม เข้าทำนองที่ทักษิณว่าพวกขาประจำ รู้กันหมดว่าไผเป็นไผ บางรายก็ใกล้จะถึงเวลาลาโรงเต็มที

ความจริงทางการเมืองอำนาจ วาสนา บารมีหดหาย ความยิ่งใหญ่ที่เคยมีถูกบดบังด้วยความเปลี่ยนแปลง หากทำใจยอมรับไม่ได้ ยังหลอกตัวเองหรือถูกพวกเชลียร์หลอกว่ามีโอกาสจะกลับมายิ่งใหญ่ ก็ยิ่งจะเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่ แทนที่จะโบกมือลาอย่างมีศักดิ์ศรี สง่างาม ก็จะไม่เหลือความเคารพยำเกรงใด ๆ จากที่เคยเกาะโต๊ะขอเก้าอี้ เวลานี้ยังมีความพยายามที่จะขอให้ได้กลับมาร่วมขบวนกุมอำนาจ ซึ่งต้องพูดตรง ๆ ว่ายาก ขนาดแค่จะขอเป็นนายกสมาคมกีฬายังแพ้ยับเยิน แล้วทางการเมืองมันจะไปเหลืออะไร

นักการเมืองอาชีพเมื่อมองเห็นแล้วว่าถนนข้างหน้าจะเดินกันอย่างไร ต้องรีบกลับหลังหันกันชนิด 360 องศา เหมือนกรณี อนุทิน ชาญวีรกูล พาอาจารย์ใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ไปกินข้าวเย็นบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ใช่แค่การเคลียร์ใจกันในทุกเรื่องที่เคยบาดหมางกันมาก่อนหน้า แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเลิกเล่นการเมืองสองหน้า จากที่ถูกเพ่งเล็งมาโดยตลอดขาข้างหนึ่งยังไปพัวพันอยู่กับอดีตผู้มีบารมี แม้จะมีเรื่องขอความช่วยเหลือส่วนตัว แต่มันก็ไม่คุ้มค่าหากคิดจะอยู่ด้วยกันแบบยาว ๆ

จากการที่ต่างฝ่ายต่างมีแผลแต่อยู่ในข่ายที่สามารถรักษาให้หายได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะหาทางลงไม่ได้ การได้พบปะ พูดคุยประสาคนเคยรู้จักกัน จึงได้มีการนำเอาประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างจะถูกเล่นงานมาแลกเปลี่ยน สุดท้ายจบลงที่ต่างฝ่ายต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย บางเรื่องมีความเห็นต่างกันได้แต่ต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ที่สำคัญหากเป็นเรื่องภายในรัฐบาลต้องให้เกียรติ และสิทธิในการตัดสินใจกับลูกสาวคนเล็กของนายใหญ่ในฐานะผู้นำเป็นผู้ชี้ขาด แต่ไม่ใช่การทุบโต๊ะ ให้ผ่านการปรึกษาหารือตกผลึกร่วมกัน

ประเด็นร้อนตอนนี้ที่ทำท่าว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย คงหนีไม่พ้นกรณีที่ดินพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังกรมที่ดินประกาศไม่เพิกถอนสิทธิผู้ครอบครองพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ขณะที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยยื่นค้านการตัดสินของกรมที่ดิน เพราะเห็นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของ รฟท. กรณีนี้เป็นเรื่องของการใช้วิธีที่เรียกว่าแทคติกทางกฎหมาย ปลายทางเพื่อให้นำไปสู่การชี้ขาดใหม่ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว ต้องใช้เวลาอีกนาน ส่วนแอ็กชันของแต่ละฝ่ายเป็นเรื่องที่ต้องแสดง เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าจะเดินกันยังไง

อรชุน

Back to top button