TIDLOR พุ่ง 10% ตอบรับงบ 9 เดือนโกยกำไรทะลุ 3.2 พันล้าน โต 10% คุม NPL อยู่หมัด 1.88%

TIDLOR พุ่ง 10% โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 67 แตะ 3,186 ล้านบาท เติบโต 10% รายได้รวมขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมคุม NPL อยู่หมัด 1.88% มั่นใจปีนี้คุมไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ณ เวลา 10:25 น. อยู่ที่ระดับ 17.50 บาท บวก 1.60 บาท หรือ 10.06% สูงสุดที่ระดับ 17.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 449.83 ล้านบาท

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/67  และงวด 9 เดือนแรกของปี 67  สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 25567 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตเพิ่มขึ้น 16.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 990.6 ล้านบาท โดยมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อยู่ที่ 102,699.6 ล้านบาท เติบโต 11.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการใช้งาน “บัตรติดล้อ” และบริการโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน “เงินติดล้อ” ที่ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อ โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL ratio) อยู่ที่ 1.88% ซึ่งอยู่ในกรอบที่วางไว้ไม่เกิน 2% ด้านอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 230.6%

ขณะที่ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยในช่วงไตรมาส 3 มีมูลค่า 2,376.7 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีนายหน้าประกัน (InsurTech Platform) ที่บริษัทฯ สร้างและพัฒนามามากกว่า 10 ปี เพื่อใช้เป็นพื้นฐานขับเคลื่อนธุรกิจนายหน้าประกัน นำเสนอผลิตภัณฑ์และช่องทางที่ครอบคลุม และตรงกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี ภายใต้แบรนด์ “ประกันติดโล่” (ชื่อเดิม ประกันติดล้อ)

ทั้งนี้ ปัจจุบันถือเป็นเบอร์ 1 ด้านการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิด (Face to Face) ผ่านนายหน้าผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน ในช่องทางสาขาเงินติดล้อ 1,747 แห่ง ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือน ก.ย. 67)  แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกนายหน้าประกัน (Partner) มากกว่า 9,000 คน ภายใต้คอนเซปต์ จริงใจ เข้าใจ เติบโตไปพร้อมกัน และ แบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) แพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัล ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับความคุ้มครองทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่านพนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales)

สำหรับ งวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิมูลค่า 3,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อ และการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิตามกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงและสัดส่วนประเภทสินเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไป และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่สูงขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนายหน้าประกันภัย

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคงความสามารถในการทำกำไรที่ดี จากการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจว่า จะสามารถควบคุม NPL ratio ให้ไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน NPL ratio ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมกับการตั้งสำรองในระดับที่แข็งแกร่ง ขณะที่คาดว่าในไตรมาสถัดไปปริมาณสินเชื่อใหม่และธุรกิจนายหน้าประกันภัยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม การรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ควบคู่ไปกับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและยังคงอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดการณ์ว่ากระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปี 2567 ไปจนถึงต้นปี 2568 และ Tidlor Holdings จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะแจ้งข่าวให้ผู้ถือหุ้นทราบเพิ่มเติม เมื่อได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว

Back to top button