PLANB โชว์รายได้ Q3 ทะลุ 2.58 พันลบ. กำไร 282 ลบ. รับอานิสงค์เงินสดแกร่ง-สื่อโฆษณาขยายตัว
PLANB โชว์รายได้ Q3 ทะลุ 2.58 พันลบ. กำไรโต 282 ลบ. รับอานิสงค์เงินสดแกร่งควบคู่กลุ่มสื่อโฆษณาขยายตัว บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล
ดร.พินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยในไตรมาสนี้บริษัททำรายได้รวมสูงสุดถึง 2.58 พันล้านบาท เติบโต 19.6% จากปีก่อนหน้า โดยมีธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทสร้างรายได้แข็งแกร่งที่ 1.83 พันล้านบาท เติบโต 11.3% แม้จะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย เช่น สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือที่กระทบการใช้จ่ายโฆษณาในต่างจังหวัด และการเลื่อนแคมเปญในบางกลุ่มสินค้าของลูกค้า โดยบริษัทสามารถเติบโตได้จากการขยายตัวในทุกกลุ่มสื่อโฆษณา โดยเฉพาะรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 2,580 ล้านบาท เติบโต 19.6% จากปีก่อนหน้า รายได้หลักมาจากธุรกิจ OOH ด้วยอัตราการใช้สื่อโฆษณา 75.5% ควบคู่กับธุรกิจสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ที่เติบโตจากการบริหารสิทธิ์ถ่ายทอดสดและสิทธิ์ทางการตลาดของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024
ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 282 ล้านบาท เติบโต 8.2% จากปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระแสเงินสดอิสระแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จำนวนประมาณ 2 พันล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 67 โดยในอัตราหุ้นละ 0.12 เพิ่มขึ้น 55.8% จากปีก่อนหน้า สะท้อนความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนสำหรับ สื่อดิจิทัล สื่อภาพนิ่ง และสื่อสนามบิน
นอกจากนี้ ธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมแสดงให้เห็นการเติบโตที่โดดเด่น โดยสร้างรายได้ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.9% จากปีก่อนหน้า สนับสนุนโดยรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทุกช่องทางในประเทศไทย รวมถึงการหาผู้สนับสนุนต่าง อีกทั้ง ธุรกิจมวยยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นจากผู้ชมทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีผู้เข้าชมสนามมวยราชดำเนินสูงขึ้นจากปีก่อน ทั้งนี้ ผลประกอบการที่โดดเด่นส่งผลให้ แพลน บี มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ”
ดร.พินิจสรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน แพลน บี มีหนี้สินระยะสั้นจากธนาคารเพียง 165 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะชำระคืนให้หมดภายในสิ้นปี 67 การจัดการหนี้สินที่รัดกุมส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E Ratio) อยู่ที่ระดับต่ำเพียง 0.55 เท่า ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E Ratio) อยู่ที่ 0.13 เท่า ต่ำกว่าระดับที่บริษัทกำหนดไว้เพื่อความมั่นคง (Comfort level) อย่างมีนัยสำคัญ โดยสะท้อนถึงฐานะการเงินที่มั่นคงและการบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กระแสเงินสดอิสระของบริษัทยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกระแสเงินสดรวม 2,097 ล้านบาท แสดงถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการต่อยอดการลงทุนใหม่และขยายธุรกิจในอนาคต
“แพลน บี ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.12 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 55.8% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลที่ 68.7% จากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน โดยบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่เพิ่มขึ้น การจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ และมูลค่าหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับผลการดำเนินงานตามเป้าหมายของบริษัท” ดร.พินิจสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย