เด้งแล้ว..ดีต่อใจ?

สิ่งที่ทำให้ โมนิก้า” รู้สึกโล่งใจสุด ๆ เที่ยวนี้คือ ดัชนีเด้งกลับตรงจุดแนวรับสำคัญพอดี เลยทำให้บรรยากาศลงทุนดูดีขึ้นเป็นกอง


สิ่งที่ทำให้ โมนิก้า” รู้สึกโล่งใจสุด ๆ เที่ยวนี้คือ ดัชนีเด้งกลับตรงจุดแนวรับสำคัญพอดี เลยทำให้บรรยากาศลงทุนดูดีขึ้นเป็นกอง แต่ถ้าเจาะลึกลงไปในรายละเอียดต่าง ๆ จะเห็นว่า การขึ้นเที่ยวนี้ยังอาศัยหุ้น DELTA เป็นตัวดันดัชนีเหมือนครั้งก่อน ๆ ส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยยังคงคลุมเครือต่อไปอย่างแน่นอน เพราะเที่ยวนี้เป็นการดันหุ้นไม่กี่ตัวเพื่อทำให้เซนติเมนต์ตลาดหุ้นคลายความกดดันพะย่ะค่ะ

ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า การขึ้นของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย เพราะการขึ้นของหุ้นเพียงตัวเดียวก็มีผลทำให้ดัชนีบวกไป 4.50 จุด และถ้าดูจากการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,451.47 จุด บวกไป 6.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.58 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังแกว่งไปแกว่งมา อันเป็นผลมาจากงบไตรมาส 3 ออกทะเลกันเป็นแถวแบบนี้..ไหวเหรอคุณแม๊

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นที่ทำผลงานดี แต่ราคาหุ้นดันไม่ตอบสนอง เพื่อชี้ให้เห็นโอกาสของการลงทุนในหุ้นเหล่านี้ยังเปิดกว้างอยู่ ผนวกกับเมื่อดูการเคลื่อนตัวของราคาหุ้นเป็นส่วนประกอบจะเห็นว่า หุ้นเหล่านี้น่าสนใจจริง ๆ เพราะราคาหุ้นเพิ่งเริ่มผงกหัวเป็นวันแรก หลังจากทิ้งตัวลงมาเรื่อย ๆ จากความกังวลผลงาน และภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจน่ะซี

โดยเฉพาะในรายของหุ้น TIDLOR ถือเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงเป็นรายแรก เพราะผลงานที่ผ่านมาลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด แต่งวดนี้กลับทำผลงานได้สุดจัดปลัดบอก บรรดานักเล่นเลยกรูเข้าใส่อย่างคึกคัก จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 17.40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 981 ล้านบาท ท่ามกลางนักวิเคราะห์เชียร์ให้ซื้อ และให้เป้าแรกอยู่ที่ระดับ 20.50 บาทแบบนี้..ชอบม๊า..ชอบม๊า

ส่วนหุ้นอีกรายที่ขึ้นมาก่อนงบจะออกมาดี และมีการเล่นรอบกันไปมา 2 ครั้งในช่วง 2 เดือน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MTC แบบไม่ลังเลใจ หลังเห็นตำตาว่า หุ้นแกว่งตัวไปมาในกรอบ 48-54 บาท ขณะที่โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 55 บาท ภายมใต้สมมติฐานกำไรไตรมาส 3 ออกมาดีตามคาดแบบนี้ เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 49.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 642 ล้านบาท เป็นอะไรที่น่าสนใจสุด ๆ จ้า!

อีกรายที่เดี๊ยนชื่นชอบเป็นเวลานาน เพราะรับรู้กันมานานแล้วว่า ปีนี้จะเป็นปีทองอย่างแน่นอน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CBG เป็นรายถัดมา เพราะธุรกิจผลิตขวดเบียร์ และขนส่งเบียร์ มันคือตัวสร้างกำไรมหาศาลให้กับบริษัท ส่งผลให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นไต่เพดานขึ้นมาเรื่อย ๆ และยืนพักฐานที่ระดับ 80 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่งแบบนี้ คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 80.25 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 439 ล้านบาท ไปต่อไหมคะ

ประเด็นข้างต้นที่เม้าท์ถึง “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้” ทำให้อีฉันนึกถึงหุ้น KAMART ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นที่เคยมีดราม่าเกิดขึ้นระหว่างกองเชียร์มาครั้งหนึ่ง ซึ่งมีการเปิดประเด็นถึงผลงานในอนาคตจะเป็นไร? จนนำไปสู่แรงขายออกมาเป็นระลอก วันนี้เลยต้องมาตั้งคำถามว่า การยืนปิดที่ระดับ 10.80 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 9.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82 ล้านบาท น่าลงทุนขนาดไหน? หลังราคาหุ้นเคยไหลลงจาก 16 บาท ลงไปทำโลว์ที่ระดับ 9.65 บาทน่ะซี

ในเมื่อมาแนวตั้งคำถาม “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นหมูหยอง CHAO สักนิดหนึ่ง หลังราคาหุ้นไหลลงแบบไม่มีลิมิต ทั้งที่กำไรไตรมาส 3 ก็ไม่ทรุดฮวบเหมือนบางบริษัท ขณะเดียวกันจะเห็นว่า กำไรงวด 9 เดือนก็ลดไม่มาก แต่ทำไมราคาหุ้นถึงหลุดไอพีโอ (11.80 บาท) แบบดูไม่จืด แถมวานนี้ก็ยังไหลลงมาอีก ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 7.95 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47 ล้านบาทแบบนี้..เดี๊ยนหนักใจแทนเลยนะจ๊ะ

ตบท้ายกันที่หุ้นนอกกระแส แต่ยังทำผลงานโตสวนกระแส และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3% อย่างหุ้น ASW กันดีกว่า และเหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนเหลือบมองหุ้นตัวนี้ ก็เป็นเพราะราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นมาทีละนิด รวมทั้งการเทรดของหุ้นอยู่บน PE 4 เท่า เลยเชื่อว่า นี่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แถมกลยุทธ์การทำธุรกิจแบบป่าล้อมเมืองก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ดี จึงไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลมากนักเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button