MAGURO วิ่งฉิว 9% รับกำไรไตรมาส 3 โตเด่น 54% ดันงวด 9 เดือนแตะ 62 ล้านบาท

MAGURO บวกแรง 9% ขานรับกำไรไตรมาส 3 โตเด่น 54% เทียบกับปีก่อน ดันงวด 9 เดือนกำไร 62 ล้านบาท โต 6% จากปีก่อน รับรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO ณ เวลา 10:41 น. อยู่ที่ระดับ 20 บาท บวก 1.70 บาท หรือ 9.29% สูงสุดที่ระดับ 20.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75.13 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น MAGURO ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงวันนี้ หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 สิ้นสุด 30 ก.ย.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเติบโต เนื่องมาจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 355.7 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 67 และ 973.7 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนของปี 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 และร้อยละ 26.8 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี ที่ผ่านมา เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่จำนวนทั้งหมด 7 สาขา ในช่วง 9 เดือนของปี 67 ได้แก่ ร้านมากุโระ จํานวน 3 สาขา และร้านฮิโตริชาบู จํานวน 4 สาขา รวมถึงในไตรมาสที่ 3 ปี 67 มีอัตราการเติบโตของรายได้สาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวเป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 0.5

นอกจากนี้ ไตรมาส 3 ปี 67 บริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 47.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.1 และสำหรับ 9 เดือนของปี 67 มีกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 91.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของ ปีที่ผ่านมาซึ่งสอดคล้องกับรายได้จากการขายและการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น

สำหรับอัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 2.0 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากการลดลงของต้นทุนค่าวัตถุดิบ การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ใหม่ และการพัฒนาเมนูเพื่อเพิ่มความ หลากหลายของวัตถุดิบ และสำหรับ 9 เดือนของปี 67 ลดลงเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนค่าวัตถุดิบมีราคาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 67

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ MAGURO ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้รายได้รวมอยู่ที่ 355.7 ล้านบาท เติบโต 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ขณะที่งบ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวมที่ 976 ลบ. ขยายตัว 27% มากกว่ารายได้รวมใน 9 เดือนแรกของ ปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากสาขาที่เปิดใหม่  7 สาขา ด้านกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ที่ 29 ล้านบาท เติบโต 127% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อน และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก เติบโต 6.2% เป็น 62 ล้านบาท

โดยการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯได้รับอานิสงส์จากแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้แต่เดิมอยู่แล้ว เพื่อ พัฒนาศักยภาพร้านอาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม หรือ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Give More Culture’ หรือ ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ ที่เราใช้ ในการบริหารธุรกิจมาโดยตลอด

โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2567 บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายร้านอาหารเพิ่มแล้ว 11 ร้าน (ครึ่งปีแรกเปิด 2 ร้าน) และ มั่นใจว่าจะสามารถเปิดสาขาได้มากกว่าเป้ารวมที่ตั้งไว้เป็น 13 ร้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับ พรีเมียม และพรีเมียม-แมส ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้สิ้นปีนี้ Maguro จะมีเครือข่ายทั้งหมด 38 สาขา ภายใต้ 5 แบรนด์

นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดบริการร้าน อาโอกิ ทงคัตสึ (Aoki Tonkatsu) ร้านอาหารหมูทอดระดับพรีเมียมยอดนิยมจากญี่ปุ่น ในเดือนธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ลอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับจากอบอุ่นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเดิม สมาชิกของมากุโระและลูกค้าใหม่ที่ชอบทานทงคัตสึ นอกจากนี้ในเดือนหน้า MAGURO จะเปิดร้านอาหารรูปแบบ ใหม่สไตล์ All-Day Dining ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าพรีเมียม และ พรีเมียม-แมส ที่โครงการ The Flavorhood เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด MAGURO ได้เปิดตัวโครงการ The Flavorhood ตั้งอยู่บนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างความร่วมสมัย แต่ยังคง กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสวนในโครงการที่มีทั้งรูปแบบ Japanese Garden และ Modern Tropical Garden อีกทั้งยังมีความตั้งใจให้โครงการนี้เป็นการต่อยอดแนวทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแผน การติดตั้งจุดชาร์จ EV Charger และ Solar Roof ภายในโครงการ รวมถึงจุดรีไซเคิลขยะพลาสติก และการแยกขยะ อย่างเป็นระบบอีกด้วย

ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 11 ร้าน รวมถึงรูปแบบ Specialty เรื่อง Suki ภายใต้ชื่อแบรนด์ HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมใน รูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 ไป เมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

Back to top button