ต่างชาติ-ป๊อบเทรด สาดไม่ยั้ง!

ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร? เป็นสิ่งที่ “โมนิก้า” ใช้อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะเป็นตัวที่ยืนยันให้เห็นว่า สถานการณ์ ณ เวลานั้นเป็นอย่างไร?


ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร? เป็นสิ่งที่ “โมนิก้า” ใช้อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะเป็นตัวที่ยืนยันให้เห็นว่า สถานการณ์ ณ เวลานั้นเป็นอย่างไร? และใช้เป็นเครื่องมือประเมินสถานการณ์ในอนาคตจะออกไปทางไหน? เมื่อนำมาผนวกกับตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้น “ลงแรง” และ “ขึ้นแรง” เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์รอบด้านอย่างใกล้ชิดไงล่ะคะ

โดยเฉพาะประเด็นของภาวะเศรษฐกิจที่หลายคนมองว่า เหมือนจะดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ดันเกิดอาการเครื่องสะดุดขึ้นมาเสียก่อน จึงทำให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ได้ว่า เงินไม่สะพัดอย่างที่ควรจะเป็น และมองไปถึงผลงานไตรมาส 4 ต้องลุ้นจนหยดสุดท้ายนั้น “โมนิก้า” มองเป็นตัวแปรที่ทำให้ “ต่างชาติ” กับ “ป๊อบเทรด” เปิดแนวรบด้วยการสาดหุ้นออกมาเป็นระลอกอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันนั้นแหละจ้า!

ข้อมูลดังกล่าวดูได้จากยอดขายช่วงครึ่งเดือน พ.ย. ปาเข้าไป 9.39 พันล้าน และเมื่อนับตั้งแต่ต้นปีก็ทะลุ 1.33 แสนล้าน ส่วนป๊อบเทรดเริ่มขายหุ้นหนักในเดือนนี้ เลยทำให้ยอดขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.86 พันล้าน แต่เมื่อดูยอดขายในช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันมีแค่ 1.86 พันล้าน จึงเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกไม่สบายใจสุด ๆ เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นจังหวะที่นักลงทุนสถาบันลุยซื้อไม่ใช่เหรอ? แสดงว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ พะย่ะค่ะ

เหมือนกับสถานการณ์ของพ่อดอกมะลิ JAS มีข่าวดีเรื่องคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกเป็นเวลา 6 ปี ซึ่งเป็นการทุ่มเงินไปทั้งสิ้น 1.91 หมื่นล้าน ตลาดหุ้นก็น่าจะตอบรับข่าวดีแบบยาว ๆ แต่สุดท้ายก็หวือหวาวูบเดียว ต่อจากนั้นก็อ่อนระทวย “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลาบริษัทแสดงฝีมือสักหน่อย เพราะหลายคนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์มาแล้วว่า “งานหิน” หุ้นเลยทำได้แค่ยืนปิดที่ 2.36 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท หลังนักเล่นอยากเห็นอะไรที่เป็นเนื้อเป็นหนังเจ้าค่ะ

เมาท์ถึงงานยากขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็มีความจำเป็นต้องเอ่ยถึงหุ้น EA เพราะหลังจากโดนมรสุมลูกใหญ่กระหน่ำใส่ไม่ยั้ง สถานการณ์ของบริษัท และสถานการณืของหุ้น ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แถมช่วงหลัง ๆ โดนรินหุ้นออกมาทุกวัน จนมองไม่เห็นจุดเด้งกลับอยู่ตรงไหนแบบนี้ เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่ซึมลงต่อเนื่อง 14 วัน พร้อมกับยืนปิดไปที่ระดับ 5.85 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 510 ล้านบาทแบบหงอย ๆ นะตัวเอง

ส่วนหุ้นที่ทิ้งตัวแรงแบบไม่น่าเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้ตั้งลำขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ทันทีที่งบไตรมาส 3 เริ่มแสดงกำไรลดลงเล็กน้อย ก็ทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นประกันชีวิต BLA แบบไม่มีเยื่อใย พร้อมกับลงมายืนปิดที่ระดับ 20.90 บาท ลบไป 2.90 บาท หรือลงไป 12.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 197 ล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนรู้สึกผิดหวังกับผลการดำเนินงาน และเริ่มตั้งคำถามไตรมาส 4 จะออกหน้าไหนน่ะซี

ในเมื่อเมาท์ถึงหุ้นที่ทรุดตัวเป็นส่วนใหญ่ ก็ควรมองไปที่หุ้น AOT เพื่อชี้ให้เหนการไหลลงมาเรื่อย ๆ ของราคาหุ้นเที่ยวนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลงานอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นราคาหุ้นคงไม่ทิ้งตัวลงจากระดับ 65 บาทแบบต่อเนื่อง และเมื่อมองจากการยืนปิดที่ระดับ 58.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท ก็มีเสียวสันหลังเหมือนกันว่า หุ้นมีโอกาสลงไปหาโลว์เก่าที่บริเวณ 55 บาทนะนายจ๋า!

สำหรับรายที่ทำผลงานดีสุด ๆ และราคาหุ้นตอบสนองข่าวดีเร็ว แถมไม่ต้องกลัวนักลงทุนสถาบันสาดทิ้ง “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้น FSMART ก่อนใครเพื่อน เพราะการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 8.05 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 24.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 242 ล้านบาท มันเป็นการเล่นบนตัวเลขกำไรของจริง และมีลุ้นเห็นหุ้นขยับขึ้นไปอีกแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรับได้ทั้งนั้น..จริงไหมจ๊ะ

ส่วนรายที่ทำผลงานออกมาดีตามคาด แต่ระหว่างทางราคาหุ้นสะบัดตัวแรง จนบางคนเกิดอาการหวั่นใจขึ้นมา “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของการเล่นหุ้น จึงมองการขยับตัวของหุ้น MAGURO ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร เพราะถ้ามองจากการขยายสาขาเพื่อปั๊มกำไรให้เพิ่มขึ้น เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 19.20 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 123 ล้านบาท เหมาะสมทุกประการเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button