CMAN โกยกำไร 9 เดือน 168 ล้านบาท รับยอดขายเพิ่ม-คุมต้นทุนเด่น

CMAN โชว์ผลงานงวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 168 ล้านบาท จากยอดขายเพิ่มขึ้น คุมเข้มต้นทุน ภาระหนี้ลด แย้มไตรมาส 4/67 ยังโตต่อเนื่อง เพิ่มส่งออก เดินหน้าปรับโครงสร้างเงินกู้ เตรียมขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ


หม่อมหลวงจันทรจุฑา จันทรทัต ประธานกรรมการ บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN ผู้ผลิตปูนไลม์ระดับโลก ภายใต้แบรนด์ CHEMEMAN เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 67 บริษัทฯ มีรายได้ 877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% มีกำไรขั้นต้น 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% และขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 96 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นและที่ไม่ใช่เงินสด จำนวน 185 ล้านบาท หากไม่รวมรายการขาดทุนดังกล่าว กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจะเท่ากับ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้ 2,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% มีกำไรขั้นต้น 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 168 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิของทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 136 ล้านบาท หากไม่รวมรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นและรายการที่ไม่ใช่เงินสด กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจะเท่ากับ 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทยังแข็งแกร่งมาก ทั้งปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น สัดส่วนต้นทุนขายลดลง อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในไตรมาส 3 ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเงินบาทแข็งค่ารุนแรงเมื่อเทียบกับ AUD และ VND ทำให้เกิดผลขาดทุนในทางบัญชีอันเนื่องมาจากบริษัทมีการปล่อยกู้ให้กับบริษัทย่อยที่ออสเตรเลียเป็นเงิน AUD และบริษัทย่อยที่เวียดนามเป็นเงินบาท  อีกทั้งโรงงานในเวียดนามได้รับผลกระทบจากพายุยางิ แต่สามารถจัดการฟื้นฟูความเสียหายและกลับมาผลิตได้ภายใน 1 เดือน โดยไม่กระทบกับยอดขายโดยรวม” หม่อมหลวงจันทรจุฑา กล่าว 

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2567 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าหมาย จากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ปูนไลม์ในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย และออสเตรเลียยังเติบโตต่อเนื่อง และราคาขายที่สอดคล้องกับคุณภาพสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างเงินกู้ระหว่างกันกับบริษัทลูกที่ออสเตรเลียให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับ AUD ให้หมดไป ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศตามแผนงานที่ตั้งไว้

Back to top button