โลกนี้คือละครขี่พายุ ทะลุฟ้า

คำพระพยอม กัลยาโณ : โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า


ชาญชัย สงวนวงศ์

 

คำพระพยอม กัลยาโณ : โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า

ไม่โกรธ ไม่โมโหเลย ก็ไม่โง่และไม่บ้านะ

น่าจะถือเป็นสุดยอดธรรมะครองชีวิตดีจริงๆ นะครับ หากแทรกซึมกำซ่านเข้าไปในจิตใจคนไทยฝ่ายข้างมาก สังคมไทยก็จะอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

เป็นสังคมภายใต้วิถีทางชาวพุทธโดยแท้ และก็เป็นสังคมที่มีความสุขสงบสันติ เหนือกว่าสังคมประเทศอื่นใดในหล้า

ลองคิดดูนะครับ แค่ขับรถปาดหน้ากัน ก็ถึงกับควักปืนออกมายิงคู่กรณีด่าวดิ้น

คนยิง ก็ต้องถูกจับไปติดคุก ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่เมียรักและลูกเต้าที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ส่วนคนตายนั้น ก็ยิ่งสูญเสียหนักกว่าใคร เพราะชีวิตที่ต้องสังเวยความโกรธและความโมโห ซึ่งก็คือความโง่และบ้านั้น ไม่อาจจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้

เขาคือหัวหน้าครอบครัว ซึ่งลูกเมียทุกชีวิตจะต้องพึ่งพาเขา และเขาก็อาจจะเป็นกำลังหลักในการเลี้ยงดูบุพการี แต่ก็ต้องพลัดพรากจากทุกคนไปชั่วกัปชั่วกัลป์

ด้วยน้ำมือของคนบ้าและคนโง่

น่ากลัวยิ่งขึ้นนะครับ หากปล่อยให้คนโง่และคนบ้า ใช้ความโกรธและความโมโห ขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กร

พนักงานภายใต้การปกครองในองค์กร คงอยู่กันด้วยความเรรวนระส่ำระสาย ชะตากรรมอนาคตที่เรืองรอง คงจะหวังได้ยากสักหน่อย

ผู้นำที่เอาแต่อารมณ์โกรธและโมโหเป็นเจ้าเรือน ก็หมือนเอา “คนป่วย” ขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กร ซึ่งยากจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าได้

แล้วประชาชีจะทนอยู่ในช่วงแห่งการปลี่ยนผ่านนี้ไปอีกนานเท่าใด

เรื่องของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผมก็ยังสงสัยว่า โครงการอนุมัติงบประมาณต่างๆ ที่ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศกระตุ้นกันแทบจะเป็นรายเดือนนั้น เอาเข้าจริงจะเกิดมรรคผลกี่มากน้อยกัน

โครงการก่อสร้างสาธารณประโยชน์ตำบลละ 5 ล้านบาท ออกมานานแล้ว แต่การเบิกจ่ายยังทำได้แค่ 4% เท่านั้นเอง แล้วยังจะมีโครงการใส่เงินให้หมู่บ้านละ 2 แสนบาท ทำโครงการสาธารณประโยชน์ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการ 5 ล้านบาทอีก

ผมสงสัยเหลือเกินว่า ดร.สมคิดจริงใจจะใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

หรือว่าสักแต่ประกาศให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ปัญหาให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเพียงเท่านั้น

เรื่องรถไฟความเร็วสูง ซึ่งต่อมากลายเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง แต่เอาไปเอามามันจะกลายเป็นรถไฟความเร็วต่ำไปเสียแล้ว

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมให้สัมภาษณ์ว่า จะปรับรูปแบบการก่อสร้างรถไฟสายจีนช่วงโคราช-มาบตาพุด-กรุงเทพฯ เป็นทางรางคู่ และช่วงโคราช-หนองคายให้เป็นรางเดี่ยว

เหตุผลเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ผมว่ามันชักจะอลวนไปกันใหญ่แล้วนะ

ตั้งแต่ปรับรถไฟความเร็วสูง ประมาณ 250 กม./ชั่วโมง มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 150 กม./ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วของรถไฟปกติบนราง1.435 เมตร ผมก็ว่ามันทะแม่งๆ อยู่แล้วนะ

นี่ยังจะตัดตอนให้เป็นรถไฟรางเดี่ยวความเร็วปานกลางช่วงโคราช-แก่งคอย ซึ่งเป็นระยะทางยาวยิ่งกว่ากรุงเทพฯ-โคราชเสียอีก

ความเร็วก็น่าจะเหลือในราวสัก 100 กม./ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหากยกระดับรถไฟธรรมดาราง 1 เมตรให้เป็นทางคู่ ก็สามารถจะทำความเร็วในระดับนี้ได้

แล้วจะไปลงทุนสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งใช้ต้นทุนสูงกว่ารถไฟธรรมดากับประเทศจีนไปทำไม

คิดไปแล้วก็น่าทึ่งสงสัยกับความเป็นไปในทุกวันนี้เสียจริงๆ

Back to top button