ฟอกขาวหุ้น?
จริง ๆ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงบรรยากาศตลาดหุ้นมากกว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้คนที่อีฉันได้สัมผัส
จริง ๆ “โมนิก้า” ชอบเมาท์ถึงบรรยากาศตลาดหุ้นมากกว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้คนที่อีฉันได้สัมผัส และยังเป็นการเปิดช่องให้เดี๊ยนนำข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาบอกเล่าให้แฟนคลับฟัง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนมองประเด็นที่นำมาถกเถียงกันแบบไหน? เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้ ผู้คนมากมายชอบแถจนสีข้างถลอกปอกเปิกกันหมดแล้วจ้า!
โดยประเด็นหลัก ๆ ที่ผู้คนในตลาดเงินตลาดทุนชอบเมาท์ถึงก็เป็นเรื่องการเมือง เรื่องของสังคม และเรื่องเศรษฐกิจ เพราะมีผู้คนจำนวนหนึ่งเป็นผู้ได้เสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงทำให้สถานการณ์หลายอย่างปั่นป่วนไปหมดทุกวงการ และกระทบกับความเชื่อมั่นในการลงทุนเต็ม ๆ ซึ่งเห็นได้จากอาการแกว่งตัวของดัชนีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กระส่ำกันเป็นแถวนะตัวเอง
ฉะนั้นอย่าถามว่า “โมนิก้า” รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,442.63 จุด ลบไป 7.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.89 หมื่นล้านบาท เพราะเดี๊ยนได้ให้คำตอบไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วว่า ดัชนีต้องเด้งเมื่อลงมาแตะ 1,443 จุด และการจะไปต่อต้องขึ้นอยู่กับผลงานไตรมาส 4 จะออกมาดีขนาดไหน? จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่เผอิญมี “เสียงสุนัข”..อุ๊ย..”เสียงจิ้งจก” ทักขึ้นมาก่อนว่า ตอนนี้กำลังมีการฟอกขาวหุ้น จึงต้องมามองเรื่องนี้กันสักหน่อยพะย่ะค่ะ
เนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายยังไม่ได้รับการเยียวยาแบบเต็มที่ เขาเลยกังวลกันว่า เรื่องดังกล่าวจะหายเข้ากลีบเมฆ “โมนิก้า” จึงขอใช้โอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้นที่เคยสร้างวีรกรรมอีกสักครั้ง หลังมีเสียงพูดถึงร่างใหม่ของ SABUY กำลังทำให้หน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. กับ ตลท. เกิดอาการเต้นผางกันเป็นแถว เพราะสิ่งที่กำลังทำตอนนี้มันส่อไปในทางแบ็กดอร์อีกแล้วค่ะเจ้านาย
ประกอบกับบริษัทที่เคยสร้างปัญหามากมาย และมีการหมกเม็ดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็มาในแนวนี้ด้วยกันทั้งนั้น (EARTH STARK) “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ทางการกำลังจับตาดีลนี้อย่างใกล้ชิด และอย่าลืมว่า ตัวของ SABUY เองก็มีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างธุรกิจมันอีรุงตุงนังกันไปหมด และหากมีอะไรที่ทำให้สงสัยขึ้นมา ทางการคงง้างดาบฟันทันทีไงล่ะคะ
ที่น่าสนใจคือ ในวันที่แจ้งมติที่ประชุมว่า “อิทธิชัย พูลวรลักษณ์” เข้ามาดำรงตำแหน่ง “ซีอีโอ” แทนคนเดิมอย่าง “วิรัช มรกตกาล” ก็มีการเปิดประเด็นถึงสายสัมพันธ์ของตะกูลใหญ่ขึ้นมาทันที พร้อมกับมีการตั้งข้อสังเกตว่า เที่ยวนี้เป็นการสวมธุรกิจใหม่เข้ามา เพื่อไม่ต้องชำระเงินใช่ไหม? และดีลที่ทำในลักษณะนี้ก็ต้องเจอตรวจสอบอย่างหนักแน่นอน เพราะเรื่องเก่าก็ยังสางไม่ออก แต่มีเรื่องใหม่ให้คนต้องคิดอีกน่ะซี
เนื่องจากในวันเดียวกันได้มีการแจ้งผิดนัดชำระหุ้นกู้เข้ามาพร้อมกัน จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องขึ้นเครื่องหมาย CB เพื่อเตือนให้นักลงทุนได้รู้ว่า บริษัทมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน และเมื่อกลับไปดูงบไตรมาส 3 จะเห็นผลขาดทุนมากถึง 865 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ก็แสดงตัวเลขขาดทุนสูงถึงระดับ 5.74 พันล้านบาทเชียวนะตัวเอง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ส่วนทุนที่เคยมีอยู่ในระดับ 7.90 พันล้านบาท ทรุดฮวบลงมากองอยู่ที่ระดับ 1.44 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมมาก ๆ สำหรับบริษัทนี้ เพราะหากไตรมาส 4 ขาดทุนระดับเดียวกับไตรมาส 3 ก็จะทำให้ส่วนทุนเหลือแค่ระดับ 600 ล้านบาท และที่น่าเป็นห่วงไปมากกว่านั้นก็คือ บริษัทมีหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปีอยู่ที่ระดับ 3.78 พันล้นบาท และมีหนี้หุ้นกู้ระยะยาวเหลืออยู่อีก 195 ล้านบาทแบบนี้..ไหวเหรอพี่!
สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดก็คือ มีคนเป็นห่วงดีลของ SABUY เป็นจำนวนมาก จึงทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม เพราะไม่อยากซ้ำรอยเหมือนในประวัติศาสตร์ “โมนิก้า” จึงต้องอาสาออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เพราะเล็งเห็นว่า เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย (คนทำดีล ทางการ นักลงทุน) ไม่เช่นนั้นพวกขี้เม้าท์จะหาว่า เดี๊ยนอมสากอะไรไว้ก็เท่านั้นเอง..คุณ ๆ ท่าน ๆ คงเข้าใจอีฉันนะจ๊ะ
โมนิก้า: และทีมงาน