วายุภักษ์ ช้อนหุ้นรอ Thai ESG! ลุ้น “เงินหมื่นเฟส 2” แจกคนแก่ 50 ปีขึ้นไป

จับตากองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เก็บหุ้นเข้าพอร์ตก่อนเม็ดเงิน Thai ESG เข้าตลาดปลายปีนี้ ลดเสี่ยงต้นทุนเพิ่ม ด้าน “เผ่าภูมิ” คาดเงินหมื่น เฟส 2 ลุ้นอายุ 50 ปีขึ้นไป ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (18 พ.ย.67) แหล่งข่าวจากธุรกิจกองทุนรวม (บลจ.) เปิดเผยว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) เริ่มกลับมาดักซื้อหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2567 แต่ยังคงกลยุทธ์ “ไม่เน้นไล่ลงทุน” แต่ “เน้นตั้งรับ” และพยายามลงทุนให้ทันก่อนเงินลงทุนจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) จะไหลเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคา

“ภายใต้เกณฑ์เงื่อนไขลงทุนใหม่ของ Thai ESG จะช่วยส่งเสริมให้มีเงินไหลเข้าหุ้นไทยมากขึ้น และเงินลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีมักจะกระจุกตัวช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี” แหล่งข่าว กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังผันผวนตามตลาดโลก จึงเป็นจังหวะดีที่วายุภักษ์ฯ เข้าลงทุนในหุ้นเป้าหมายได้ตามแผน เพื่อให้กองทุนฯ สร้างผลตอบแทนได้ตามที่กำหนดไว้ที่ 3-9% โดยกลุ่มปันผลสูงที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอจะถูกโฟกัสเป็นพิเศษ

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า หุ้นกลุ่มปันผลสูงจะเน้นหลักทรัพย์ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ เพราะมีสภาพคล่องสูง เข้าออกลงทุนได้ง่าย ขณะที่กองทุนพร็อพเพอร์ตี้ กองทุนรีท และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เช่น 3BBIF, DIF) แม้ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง และกองทุนรวมวายุภักษ์ฯ สามารถลงทุนได้ แต่ด้วยมาร์เก็ตแคปของกองทุนดังกล่าวน้อยกว่าหลักทรัพย์ที่มีมาร์ตเก็ตแคปขนาดใหญ่กว่า ทำให้ช่วงนี้วายุภักษ์ฯ จะให้น้ำหนักกลุ่มมาร์เก็ตแคปสูงไว้ก่อน

“กลยุทธ์ลงทุนที่สำคัญของกองทุนวายุภักษ์ฯ ที่จะใช้ในการเข้าลงทุนหุ้นไทย นอกจากจะเน้นหุ้นที่ไม่เคยมีอยู่ในพอร์ตลงทุนเดิมของวายุภักษ์ฯ แล้ว จะแบ่งการลงทุนเป็นรายเซกเตอร์ในแต่ละเดือน หรือแบ่งการลงทุนตามกรอบเป้าหมายของราคาหลักทรัพย์เป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพและเป็นไปตามกรอบการลงทุนมากที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว

ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ทางคลังจะเสนอแนวทางการกระจายเงินช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุให้ที่ประชุมพิจารณา โดยเกณฑ์เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะแจกเงินก้อนเดียวเป็นเงินสด 10,000 บาท โดยจะต้องเป็นกลุ่มที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเปราะบางที่เคยได้รับเงิน 10,000 บาทไปแล้วก่อนหน้านี้ และที่สำคัญจะต้องลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปฯ ทางรัฐไว้แล้ว ส่วนกลุ่มอายุที่ได้รับนั้น กำลังพิจารณาว่าจะเริ่มตั้งแต่ 50 ปี หรือ 60 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาที่ประชุม

“ยืนยันว่าประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐไปแล้ว จะได้รับเงิน 10,000 บาทครบทุกคน เพราะรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณรองรับไว้แล้วกว่า 1.8 แสนล้านบาท แต่ระยะเวลาเงื่อนไขจะเป็นอย่างไรนั้น จะต้องมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับฟังความเห็นจากหลายหน่วยงานก่อนที่จะได้ข้อสรุป” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ความคืบหน้าล่าสุดกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีแผนที่จะเสนอนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป (หรืออาจจะ 50 ปีขึ้นไป) ประเด็นดังกล่าว สร้างเซนติเมนต์เชิงบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM

กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7

กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL และบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้กับกลุ่มถัดไป คือผู้สูงอายุเกิน 60 ปีที่ยังไม่ได้เงินในเฟสแรก (เฟสแรกคือกลุ่มเปราะบาง) เบื้องต้นคาดว่าใช้เงินไม่มากนัก โดยทีมกลยุทธ์ประเมินว่าน่าจะมีผู้เข้าข่ายได้สิทธิ์ราว 3-4 ล้านคน หรือมีขนาดราว 1 ใน 4 ของเฟส 1 เบื้องต้นคาดบวกต่อจีดีพีราว 0.15-0.175% และ 1.3

สำหรับกลุ่มวัยดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกษียณอายุไปแล้ว เชื่อว่าจะเร่งนำมาจับจ่าย หนุนเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไม่แตกต่างจากกลุ่มเปราะบางที่ได้ในเฟส 1 จึงเป็นบวกต่อหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์สูงในเฟส 1 อาทิ เช่าซื้อที่การเก็บหนี้มีพัฒนาการบวกจาการนำเงินไปคืนหนี้ เน้น MTC, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ค้าปลีกที่ยอดขายสินค้าจำเป็นมีโมเมนตัมเด่นต่อเนื่อง เน้น CPALL, BJC ธนาคารมองมีอัพไซด์เกี่ยวกับคุณภาพหนี้เช่นกัน เน้น ธนาคารกสวิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB

Back to top button