EGCO ชูกลยุทธ์ “Triple P” ดันองค์กร ปักธงปี 68 ทุ่ม 3 หมื่นล. ลุยพลังงานหมุนเวียน-ก๊าซ

EGCO ชูกลยุทธ์ “Triple P” ขับเคลื่อนธุรกิจ-บริหารพอร์ตลงทุนและทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตั้งงบปี 68 กว่า 3 หมื่นล้านบาท มุ่งขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน-พลังงานก๊าซ


ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ประกาศขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ Triple P” ระยะ 3 ปี 2568-2570 มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท

อีกทั้ง พร้อมรุกบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดผ่านการพัฒนากระบวนการทำงานและทรัพยากรบุคคลรองรับการเติบโตระดับสากล ทั้งนี้ กลยุทธ์ Triple P” มุ่งตอบโจทย์การเติบโตอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำของ EGCO Group

ดร.จิราพร กล่าวว่า ในยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน EGCO Group ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง  3 ด้าน ได้แก่ 1.การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน 2.การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และ 3.การปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อน  ด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่

1.Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

2.Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 8 ประเทศ ด้วยการตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท

3.Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

“EGCO Group เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ทั้ง 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)” ดร.จิราพร กล่าว

ทั้งนี้ หากพูถึงโครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน (Yunlin) ปัจจุบันติดตั้งกังหันลมซึ่งทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าครบทั้งหมด 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้เริ่มดำเนินการ CลOD จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบรวม 67 ต้น กำลังผลิต 536 เมกะวัตต์

ส่วนที่เหลืออีก 12 ต้น บริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบ โดยคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ธันวาคม 2567 และจะสามารถจ่ายไฟเข้าสู่ระบบได้รวมทั้งหมด 640 เมกะวัตต์  ภายหลังจากนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถรับรู้รายได้ให้บริษัทตกปีละ 2,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี

ขณะที่ โครงการ APEX ในสหรัฐบริษัทยังคงมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-แก๊สธรรมชาติ โดยโครงการมีอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็น 5 โครงการที่พร้อมดำเนินการ COD ในไตรมาส 4 ปี 2567 ได้แก่ 1.Coldwater Solar ตั้งอยู่ที่ Michigan กำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ , 2.Downeast Wind พลังงานลม ตั้งอยู่ที่ maine กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์, 3.โครงการ Timdermill Wind พลังงานลม ตั้งอยู่ที่ Noth Carolina กำลังผลิต 189 เมกะวัตต์, 4. โครงการ Great Kiskadee Storage Battery กำลังผลิต 100 เมกะวัตต์ 5.โครงการ Big Elm Solar ตั้งอยู่ที่ Texas กำลังผลิต 200 เมกะวัตต์, 6.โครงการ Angelo Battery Storage ตั้งอยู่ที่ Texas กำลังผลิต 100 เมกะวัต์

ขณะที่โครงการ 2 โครงการที่เหลือจะสามารถดำเนินการ COD ได้ในไตรมาส 1 ปี 2567 ได้แก่ Wheatsborough Solar ตั้งอยู่ที่ Ohio กำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ และโครงการ Prosperity  Wind ตั้งอยู่ที่ illinois กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์

“ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดการเข้าไปลงทุนในสหรัฐ นั้น ปัจจุบันบริษัทยังคงอยู่ระหว่างรอความชัดเจนถึงทิศทางนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราเองก็คงมองเห็นทิศทางนบายต่างๆ ว่าอาจจะมีการลดการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียด ซึ่งต้องดูว่าจะมีความเคลื่อนไหวมากน้อยเพียงใด ซึ่งนโยบายดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่าบริษัทควรดำเนินการลงทุนไปในทิศทางแบบไหน” ดร.จิราพร กล่าวเสริม

ส่วน โครงการ นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโก ระยอง บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างทางเข้านิคมให้ได้มาตรฐาน ซึ่งนิคมดังกล่าวชูจุดเด่นเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว (Smart & Green Industrial Estate) รองรับการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve, New S-Curve อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาด กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอล ยานยนต์ สมันใหม่ EV อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ โลจิสติกส์ และเทคโนโลยีอื่นๆ

สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ECGO Group เดินหน้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท การเติบโตทางธุรกิจในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา

รวมไปถึงจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง การรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ในสหรัฐอเมริกาการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์

ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที ซึ่งคาดการณ์

ดร.จิราพร ยังกล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนของปี 2567 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3   ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท

โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ EGCO Group ยังสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin ที่ได้กล่าวไปข้างต่น ซึ่งติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators – WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 68 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต 544 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้

Back to top button