PTT เร่งเจรจา “ฟ็อกซ์คอนน์” ลุยผลิตอีวี-คาร์บอนต่ำ ย้ำกลยุทธ์ C3 ดันธุรกิจโตมั่นคง

PTT เดินหน้าเจรจา “ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป” ลุยผลิต EV - คาร์บอนต่ำ พร้อมย้ำกลยุทธ์ C3 ดันธุรกิจโต สอดรับกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจพลังงานโลก


ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มปี 2568 ว่าธุรกิจอะโรเมติกส์ยังจะทรงตัวจากปี 2567 ส่วนธุรกิจโอเลฟินส์อาจจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2567 ซึ่งจะต้องดูตามดีมานด์และซัพพลาย อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง ก็คาดการณ์ว่าจะสนับสนุนดีมานด์ให้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าผลงานมีแนวโน้มเติบโต หลังทางด้าน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ไม่มีการบันทึกด้อยค่าของสินทรัพย์ในกลุ่มบริษัท Vencorex และบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด รวมเป็นเงิน 17,511 ล้านบาท

ส่วนกรณีการร่วมทุนกับ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป ตั้งโรงงานผลิตแพลตฟอร์มฐานรถ EV มูลค่าลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันยุติการก่อสร้าง และอยู่ระหว่างเจรจากับ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป เพื่อให้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจต่อ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญมากกว่า

โดยโรงงานผลิตรถ EV ภายใต้การร่วมทุนของ บริษัท อรุณพลัส จำกัด ในเครือปตท. สัดส่วน 60% และ ฟ็อกซ์คอนน์ สัดส่วน 40% ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยกำลังผลิตเฟสแรกที่ 50,000 คัน/ปี ก่อนหน้านี้ อรุณพลัสและฟ็อกซ์คอนน์ ตัดสินใจเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ไปเป็นปี 68 แทน

นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นย้ำเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างสมดุล มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) สอดรับกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจพลังงานโลกผ่านแนวทาง C3 ได้แก่ Climate Resilience Business ปรับ Portfolio ธุรกิจให้เติบโต ควบคู่กับการลดการปล่อยคาร์บอน Carbon-Conscious Asset ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด

รวมถึง Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All ประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีในการลดก๊าซเรือนกระจก ใช้เทคโนโลยีการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) รวมถึงเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ผ่านการปลูกและบำรุงรักษาป่า

อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังเร่งผลักดันธุรกิจใหม่ด้านการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และธุรกิจไฮโดรเจน เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการกักเก็บคาร์บอนจากกระบวนการผลิตของบริษัทในกลุ่ม อีกทั้งยังมีการลงทุนในธุรกิจไฮโดรเจนต่างประเทศ รองรับการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มเติม และมีเป้าหมายนำไฮโดรเจนเข้ามาผสมกับเชื้อเพลิงหลักเพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในอนาคต

Back to top button