TERA ควักเงิน 40 ล้านบาท เปิดตัว “T.Cloud Gen3” ปั๊มรายได้แกร่งต่ออนาคต
TERA ต่อยอดความสำเร็จ ควักเงินลงทุน 40 ล้านบาท เปิดตัว “T.Cloud Gen3” ดึงลูกค้าเดิมต่อสัญญาใช้บริการประกอบกับลูกค้าใหม่ ชูจุดเด่นความปลอดภัยระดับสูง ตามแผนระดมทุน IPO ปั๊มรายได้-กำไรจากการบริการเติบโตต่อเนื่อง
นายบุญชัย ตั้งวัฒนาพรชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวการให้บริการโครงการ T.Cloud Gen3 (ตามวัตถุประสงค์การระดมทุน IPO) ต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการ T.Cloud ที่ให้บริการมาแล้ว 2 Generations ปัจจุบัน TERA มีสัญญาลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการ T.Cloud (ทั้ง Gen1 และ Gen2) อยู่มากกว่า 100 สัญญา พร้อมเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้แบบประจำสม่ำเสมอ (Recurring Revenue) เป็นไปตามกลยุทธ์ Recurring First และ Service First ของ TERA
โดยการบริการคลาวด์และ Data Center ซึ่งเป็น Mega Trend ที่กำลังเติบโตทั่วโลก สอดรับกับนโยบาย Cloud First ของภาครัฐไทยที่ประกาศในเดือนสิงหาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนโครงการ T.Cloud Gen3 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาทในปี 2567 เป็นไปตามวัตถุประสงค์การระดมทุน IPO ซึ่ง TERA สามารถที่จะดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ mai โดยโครงการนี้คาดการณ์ ROI 25% IRR ประมาณ 35% ขึ้นไป และ Payback Period ประมาณ 3 ปี ตั้งเป้าจะเริ่มรับรู้รายได้ต้นปี 2568 พร้อมวางแผนลงทุนรวมประมาณ 67 ล้านบาท ภายใน 6 ปี
นายบุญชัย กล่าวอีกว่า โครงการ T.Cloud Gen3 ถือเป็น Flagship Solutions ของ TERA จึงได้คัดเลือก Data Centers ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานสูงระดับโลก พร้อมกับคัดเลือกลงทุนกับอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีความเสถียรสูงสุดจาก IT Vendors ชั้นนำระดับโลก และ TERA ได้ลงทุนสร้างศูนย์บัญชาการ หรือ Network Operation Center (NOC) ให้บริการ T.Cloud ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการในระดับสูงที่สุด ให้บริการโดยทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านคลาวด์และ IT Infrastructure จาก TERA ที่มีประสบการณ์เกือบ 20 ปี ปัจจุบัน TERA มีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการ T.Cloud ที่เหนียวแน่นในปัจจุบัน มากกว่า 100 สัญญา ในรูปแบบของสมาชิกแบบต่อเนื่องหรือสัญญาแบบ Subscription Model มีอัตราการต่ออายุสัญญาของลูกค้าเดิม (Customer Retention Rate) สูงถึงประมาณ 94% และมีอัตราการเติบโตรายได้การให้บริการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โครงการ T.Cloud Gen3 มีความคืบหน้าในการลงทุนไปอย่างมาก โดยปัจจุบัน TERA ได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้ อยู่ระหว่างเปิดให้บริการแบบ Soft Launch และมีการยกงานจริงเพื่อทดสอบระบบเสมือนจริง รวมถึงอยู่ระหว่างการสร้างศูนย์บัญชาการ 7×24 ทั้งนี้ เป็นการทดสอบระบบเต็มรูปแบบและเตรียมทีมผู้เชี่ยวชาญ ให้มีความพร้อมการให้บริการแบบเป็นทางการ และสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
โดยในปี 2566 TERA มีรายได้จากการให้บริการ T.Cloud ประมาณ 62.40 ล้านบาท คิดเป็น 10.33% จากรายได้รวม คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีประมาณ 29% สำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดไตรมาส 3/2567 TERA มีรายได้จากการให้บริการ T.Cloud ประมาณ 55.64 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.16% จากรายได้รวม คิดเป็นอัตราการเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 19% ซึ่งการลงทุนโครงการ T.Cloud Gen3 นี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มรายได้จากการให้บริการแบบประจำสม่ำเสมอ และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในการให้บริการ T.Cloud ได้สูงขึ้นอีกจาก T.Cloud Gen2 เดิม
อีกทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ของโครงการฯ ในปีแรก 35 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 20% ต่อปี โดยมีแผนการ Conversion จากสัญญาลูกค้าเดิมที่ให้บริการ T.Cloud Gen2 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงของการลงทุนได้อย่างสูงสุด ประกอบกับการเติบโตจากลูกค้าใหม่ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ที่มีอัตราเติบโตของการใช้บริการคลาวด์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (คาดการณ์การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปี CAGR ของตลาด Cloud ในประเทศไทย ระหว่างปี 2567-2572 ประมาณ 19.64% ต่อปี Source: Statistica.com)
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า T.Cloud Gen3 มีจุดเด่นการให้บริการ โดยจัดเก็บข้อมูลในดาต้าเซ็นเตอร์ภายในประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลขั้นสูง ทั้ง ISO27001, ISO20000, PCI DSS และ LEED มีระดับความปลอดภัยระดับสูง ทั้งยังมีทีมงานที่มากประสบการณ์ด้านคลาวด์ และด้านไอทีอินฟราสตรัคเจอร์ ประมาณ 20 ปี พร้อมให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรทุกขนาด ทั้งหมดนี้ จะทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าระบบและข้อมูลสำคัญของพวกเขาจะได้รับการปกป้องอย่างมีความปลอดภัยระดับสูงสุด พร้อมทั้งบริการที่มีประสิทธิภาพจาก TERA อย่างแท้จริง
นายบุญชัย กล่าวเสริม T.Cloud Gen3 จะเป็นการตอกเสาเข็มความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว ไปอีกอย่างน้อย 7 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้บริการแบบ Recurring จาก 50% เป็น 70% ในอนาคต
ขณะเดียวกัน TERA ให้บริการและพัฒนา Local Cloud ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการให้บริการ T.Cloud Gen1 ในปี 2559 ต่อมาในปี 2561 ได้พัฒนาเป็น T.Cloud Gen2 โดยเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น SAP HANA, Microsoft Dynamics และระบบฺ เพื่อรองรับองค์กรทุกขนาด ปัจจุบัน T.Cloud Gen3 ต่อยอดความสำเร็จจากประสบการณ์เกือบ 8 ปี ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ แม้ว่าการแข่งขัน Data Center ต่างชาติเข้ามาตั้งในประเทศไทย โดยในแง่ของลูกค้าอาจจะมีตัวเลือกในการใช้บริการรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น แต่มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ TERA มากนัก ด้วยจุดแข็งที่บริษัทฯ มีและลูกค้าเชื่อมั่นในศักยภาพ หากตลาด Data Center โต เชื่อมันว่า TERA สามารถเติบโตไปด้วยแน่นอน
“บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้าน ESG ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลที่ดี เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัท ควบคู่กับการสร้างสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาลที่ดีอย่างยั่งยืน” นายบุญชัย กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ Cloud (ทั้ง T.Cloud และ Public Cloud) รวม 90.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21.40%