โบรกแนะ “ซื้อ” PTG ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท มองยอดขายน้ำมัน Q4 ฟื้นเด่น
“กรุงศรี” แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท มองยอดขายน้ำมันช่วงไตรมาส 4/67 ฟื้นตัวเด่น และคาดว่าในปี 68 จะเติบโตได้ 10% จากปีนี้
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 พ.ย.67) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ราคาเป้าหมาย 10.50 บาทต่อหุ้น คงมุมมองหากรับความเสี่ยงกฎหมายคุมราคาน้ำมันได้ PTG มีจุดเด่นกว่าคู่แข่งในด้านการเติบโต 1) ปริมาณขายน้ำมันในปี 67 โต 13% จากปีก่อน (Vs. คู่แข่งที่ทรงตัว-ลดลง จากปีก่อน) ประสบความสำเร็จในการชิงส่วนแบ่งตลาด 2) คาดการณ์ว่าได้ประโยชน์เด่นในวงจรค่าการตลาดดีเซลฟื้นสู่ระดับปกติหลังรัฐเลิกกำหนดเพดานราคา และต้นทุนน้ำมันกลับสู่ระดับปกติ
โดยบริษัทมีสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลกว่า 70% Vs. คู่แข่ง 55-60%, ธุรกิจ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย เจาะตลาดได้ต่อเนื่องตามการขยายสาขา ส่งให้กำไรสุทธิปี 67-68 ฟื้นจากปีก่อนต่อเนื่อง เด่นกว่าคู่แข่ง
พร้อมกันนี้ บริษัทคาดหวังธุรกิจน้ำมัน (74% ของกำไรขั้นต้น) ไตรมาส 4/67 ปริมาณขายกลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน และคาดหวังปริมาณขายน้ำมันโต 10% จากปีก่อน ในปี 68 (ปี 67 โต 10-15% จากปีก่อน) โดยไตรมาส 4/67 คาดหวังการฟื้นตัวหลังออกจาก low season (ฤดูฝน) คงเป้าปริมาณขายน้ำมันทั้งปี 67 โต 10-15% จากปีก่อน (9 เดือนแรกปี 67 โต 14% จากปีก่อน) และตั้งเป้าโตต่อ 10% จากปีก่อนในปี 68 สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ต่อเนื่องเป็น 24-25% (Vs.ไตรมาส 3/67 ที่ 21.5%) ผ่านการเพิ่มสมาชิก Max card plus เป็น 1.5 ล้านใบ Vs. เป้าปี 67 ที่ 1 ล้านใบ รวมถึงการปรับโฉมสถานีบริการฯ 70-100 แห่ง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีหนุนความเชื่อมั่นของลูกค้า และการขยายสาขา 50 แห่ง ทั้งนี้ด้านค่าการตลาดมองว่าไตรมาส 4/67 ยังมีโอกาสอยู่ในกรอบ 1.7-1.8 บาท/ลิตร ส่วนกฎหมายคุมราคาน้ำมันมองใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1-2 ปี
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายร้านพันธุ์ไทย (8% ของกำไรขั้นต้น) ปี 68 ที่ 600-800 สาขา เร่งตัวกว่าปี 67 ที่ตั้งเป้าขยาย 400 แห่ง (9 เดือนแรกปี 67 ทำไปแล้ว 244 แห่ง) มองมีโอกาสอีกมากทั้งตลาดในเมือง และต่างจังหวัด ทั้งนี้ผู้บริหารชี้แจงว่าได้ lock ราคาต้นทุนกาแฟปี 68 ไว้แล้ว และมีราคาใกล้เคียงปี 67 ( 9 เดือนแรกปี 67 GPM 52%)
อย่างไรก็ตาม คงเป้า CAPEX ปี 67 ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท รองรับการขยายสาขาธุรกิจ Oil 1.0-1.5 พันล้านบาท, พันธุ์ไทย 0.5-1.0 พันล้านบาท, ธุรกิจใหม่ 1.0-1.5 พันล้านบาท และอื่นๆ 1.5-2.0 พันล้านบาท โดยปัจจุบันใช้ไปแล้วราว 70% ของเป้า