XPG ขยายลูกค้ากองทุน X-PEGINFRA-UI ดันรายได้ปีนี้ 1 พันล้าน ส่งซิกขาย “ICO” 3 กองปีหน้า

XPG กางแผนไตรมาส 4/67 ลุยขยายฐานลูกค้ากองทุน “X-PEGINFRA-UI” เจาะกลุ่มรายใหญ่ หนุนรายได้ปี 67 ทะลุเป้า 1 พันล้านบาท พร้อมส่งซิกปี 68 จ่อขายโทเคนดิจิทัล ICO รวม 3 กอง


นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG เปิดเผยว่า จากความสามารถในการปรับตัวรับมือกับสภาพตลาดผันผวนที่ส่งผลกระทบในไตรมาส  2 ทำให้ผลประกอบการของ XSpring ในไตรมาส 3 ปี 2567 เป็นไปในทิศทางบวกช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกโตแกร่ง 655.40  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% และมีกำไรสุทธิ 114  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจสินเชื่อที่เติบโตอย่างโดดเด่นอยู่ที่ 392.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% สอดคล้องกับสภาวะตลาดการลงทุนในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวขึ้นได้ดี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์แก่นักลงทุน ขณะที่รายได้จากการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ อยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากผลการดำเนินงาน 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีภาพรวมของรายได้หลักจากธุรกิจสินเชื่อ 137 ล้านบาท และกำไรจากเงินลงทุน 60 ล้านบาท รวมกำไรสุทธิอยู่ที่ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68%

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปี  2567 ผลงาน 9 เดือนของ XSpring สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้ Ecosystem ของกลุ่ม XSpring ที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจรเข้ามาต่อยอดความต้องการทางการเงินและการลงทุนของลูกค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการปรับพอร์ตให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน

รวมทั้ง การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ สามารถทำตามเป้ารายได้ผ่านแผนการดำเนินงานที่วางไว้ แม้ปัจจุบันจะมีความท้าทายอย่างมากจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยในไตรมาส 4 XSpring คาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตขึ้น และทำให้สามารถบรรลุเป้ารายได้ อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่ายังมีความท้าทายแต่บริษัทจะพยายามทำให้ได้ตามแผนที่วางไว้

อีกทั้ง ในไตรมาส 4 XSpring มีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าใน ตลาดตราสารทุน, ตราสารหนี้ และ สินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัทฯ มองว่าตลาดการเงินที่ตึงตัวทำให้อุปสงค์ทางการเงินมีมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขอสินเชื่อเงินทุนมีโอกาสเติบโตได้อีก สอดคล้องกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรายได้สินเชื่อในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่สามารถขยายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ ช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี บลจ. เอ็กซ์สปริง (XSpring AM) ยังได้เตรียมแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ มุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ผ่านการเสนอขายกองทุนใหม่ X-PEGINFRA-UI” ซึ่งเป็นกองทุนแรกในไทยที่เน้นลงทุนใน Core Infrastructure ระดับโลก โดยมี Macquarie Asset Management เป็นผู้บริหารกองทุนหลัก โดยเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 29 พฤศจิกายน 2567 นี้เท่านั้น รวมทั้งเดินเกมรุกขยายฐานนักลงทุนรายย่อยผ่านแคมเปญการลงทุนปลายปีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี

ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลบริษัทฯ คาดการณ์จะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่กลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเทรดเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทได้ตอกย้ำแนวทางการเป็นผู้นำบริการทางการเงินยุคใหม่ โดยจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน XSpring”  ในช่วงไตรมาส 4 เพื่อเชื่อมต่อกับนักลงทุนได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสมการซื้อ-ขายสินทรัพย์ต่าง ๆ หรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการลงทุนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในทุกมิติ

นางสาววรางคณา กล่าวเสริมว่า ในส่วนของ ธุรกิจสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUA) นั้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถทำรายได้แตะ 1.7 พันล้านบาท เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งบริษัทได้มีแผนการเป้ารายได้จากธุรกิจดังกล่าวใหม่ อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งมีความมั่นใจว่าสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมานั้นมาจากกองทุนของ บลจ. ทั้ง 16 แห่ง

ขณะที่ สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) บริษัททั้งเป้าหมายรายได้เดิมไว้ที่ 8-9 พันล้านบาท แต่ทั้งปีเป้าอยู่ที่ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่ารายได้อาจจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

สำหรับในปี 68 บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจอะไรเพิ่มหรือเปล่านั้น หากดูที่งบการเงินจะพบว่ารายได้ประมาณ 650 ล้านบาท นั้นกว่า 40% ของรายได้มาจากดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ บริษัทยังคงเชื่อว่ารายได้จากดอกเบี้ยยังคงมีทิศทางที่เติบโต สืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจยังคงซึมตัว และหากสัดส่วนหนี้เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้ธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น ซึ่งมองว่าบริษัทเป็นหนึ่งช่องทางให้ลูกค้าได้ เพราะฉะนั้นยังคงมองว่ารายได้จากดอกเบี้ยยังเป็นรายได้หลักของบริษัท

โดยส่วนหนึ่งมาจากการปล่อยกู้ของบริษัทเอง ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจบริหารหนี้เสีย AMC ที่ปัจจุบันบริษัทเราซื้อหนี้มาในช่วงที่เริ่มปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ ตามจัดเก็บเงิน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้รายได้จากดอกเบี้ยนั้นเติบโตดิอย่างต่อเนื่อง อนึ่งปีนี้เคยวางแผนซื้อหนี้ประมาณ 2-3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนการบริหารหนี้สินอยู่ อย่างไรก็ตามงบในการลงทุน XSpring AMC บริษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือ XPG วางเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ในปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1-2 พันล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตของพอร์ต ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 4,000-5,000 ล้านบาท

ส่วนปี 68 บริษัทอยากจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม ธุรกิจ AMC และธุรกิจดิจิทัลจากการเทรดและซื้อกองทุน รวมถึงบริษัทเตรียมออกเสนอขาย โทเคนดิจิทัล ICO ทั้งหมด 3 กอง แบ่งเป็นส่วนแรกจะขายหุ้นแบบเจาะจง (PP) มูลค่า 300-500 ล้านบาท และก้อนที่ 2-3 มีมูลค่า 2-3 พันล้านบาท เสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชน : Public Offering (PO) ซึ่งธุรกิจแกนหลักๆ ของ XSpring คือ ธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.), การลงทุน XSpring AMC บริษัทบริหารสินทรัพย์, บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และธุรกิจดิจิทัลจากค่าบริการและธรรมเนียม โดยมองว่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (XAM) กล่าวปิดท้ายถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 68 โดยมองดัชนีสามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,580–1,600 จุด อีกทั้ง มองว่าช่วงสิ้นปีนับเป็น high season ธุรกิจท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อประเทศไทยโดยหุ้นกลุ่มที่โดดเด่น ได้แต่ ค้าปลีก ท่องเที่ยว โรงพยาบาล เป็นต้น อีกทั้งหากพูดถึงการจัดพอร์ตการลงทุนแนะนำให้ลงทุนในตลาดเกินใหม่ อาทิ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย และไทย

Back to top button