PROEN ผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้าน AI จ่อประมูลงานรัฐ 2 พันล้าน ปักธงรายได้ปีหน้าโต 20%
PROEN ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ลุยประมูลงานภาครัฐประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เน้นธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์-AI หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 1 พันล้านบาท ฟากซีอีโอ “กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม” คาดบริษัทเตรียมรับอานิสงส์นโยบายรัฐบาลหนุน Green Energy จากปัจจุบันเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้านแบนด์วิดท์และ AI
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจะมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง หลังจากมีความพร้อมเรื่อง Green Energy และมีความได้เปรียบเรื่องค่าไฟที่จะมีโอกาสถูกลง หากนโยบายรัฐบาลออกมาสำเร็จในปีหน้า ซึ่งค่าไฟสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์มีราคาถูกมากอยู่ประมาณกว่า 2 บาท
ทั้งนี้ แนวโน้มผลงานปี 2568 ของ PROEN จะกลับมาเติบโตแกร่งอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯมุ่งเน้นธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ธุรกิจคลาวด์ และมี AI เพิ่มเข้ามาอย่างคลาวด์ ซึ่งมองว่าจะเติบโตโดดเด่น ประกอบกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่สนับสนุนด้าน AI เติบโตดีเช่นกัน ซึ่งสามารถให้บริการได้ประมาณต้นปี 2568 ส่วนนี้จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้
โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% เนื่องจากจะมีการเซ็นสัญญาเข้ามาต่อเนื่อง รวมถึงการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 300 ล้านบาทในไตรมาสไตรมาส 4 นี้ และบริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลงานอีกประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท จากโครงการภาครัฐ เนื่องจากปัจจุบันเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้านแบนด์วิดท์และทาง AI อยู่แล้ว
นายกิตติพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนร่วมกับกลุ่ม DAMAC ร่วมตั้งบริษัท JV ภายใต้ชื่อ บริษัท ซีซอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด นั้น เพื่อเปิดตัวศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ภายใต้ชื่อ Edgnex Data Centers by DAMAC บนพื้นที่ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ถนนพระราม 9 -ศรีนครินทร์ นั้น โดยลงทุนโครงการเฟสแรกกำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ ตั้งงบประมาณ 1,700 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าจากต่างประเทศ และปัจจุบันมีปริมาณลูกค้าที่สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่จำนวนมาก
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้า AI ที่จะใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์ 2 แบบ คือ ซุปเปอร์ไมโคร และ อินวิเดีย และลูกค้าภาครัฐ รวมถึงกลุ่มลูกค้าเอกชนที่เป็นลูกค้าเดิมมีการขยายการเติบโตธุรกิจ เชื่อว่าการลงทุนครั้งใหม่และมีพาร์ทเนอร์ใหม่ที่เป็นลูกค้าต่างชาติเข้ามาจะทำให้การหาลูกค้าในศูนย์เต็มเร็วขึ้น
“นอกจากนี้โครงการ Green Energy ในอนาคตกลุ่มลูกค้ายุโรป อเมริกา มีความต้องการอย่างแน่นอน ซึ่งบริษัทมองรัฐบาลกำลังสนับสนุน อยู่ระหว่างการร่างพ.ร.บ. ในเรื่องของการทำ Direct PPA ปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ในเบื้องต้น และในอนาคตอาจจะต้องมีการขยายเพิ่มอีก 3,000-4,000 เมกะวัตต์ เพราะฉะนั้นบริษัทใช้วิธีการซื้อ ซึ่งต้นทุนของค่าไฟ Green Energy ราคาถูกกว่าของ กกพ. ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จากนโยบายดังกล่าว” นายกิตติพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย