‘จีน’ พลิกเกมเดินหน้าการค้าเสรี

การประชุมสุดยอดผู้นำระดับโลกทวีปอเมริกาใต้ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา “สี จิ้นผิง” ใช้โอกาสพบปะกับผู้นำประเทศต่าง ๆ พร้อมให้คำมั่นว่า “รัฐบาลจีน” จะรักษาระบบการค้าเสรีระหว่างประเทศ หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ข่มขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจากจีนมากถึง 60%

ขณะเดียวกันต้องรับมือกับผลกระทบ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังประธานาธิบดีปูติน ประกาศยกเลิกข้อจำกัดบางประการในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ที่สร้างความกังวลต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “สี จิ้นผิง” เรียกร้องให้ “โอลาฟ ชอลซ์” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ช่วยเจรจาแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับภาษีรถยนต์ไฟฟ้ากับสหภาพยุโรป พร้อมมีการพูดคุยกับ “เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยย้ำว่าไม่ต้องการเห็นสงครามในยูเครนบานปลายมากกว่านี้

โดย “สี จิ้นผิง” ระบุว่า “จีนยังคงมีบทบาทในแบบของตัวเอง เพื่อยุติความขัดแย้งและเรียกร้องให้ทั่วโลก หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจกีดขวางทางการค้า”

บรรดานักวิเคราะห์ ประเมินว่า จีนต้องการวางตัวเป็นผู้สนับสนุนเศรษฐกิจและระเบียบระหว่างประเทศ เป็นผู้นำที่มีเหตุมีผลในสายตาประเทศโลกที่สาม ขณะเดียวกันกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า เป็นตัวการที่ทำลายเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกและไร้ความรับผิดชอบ

ทั้งนี้ “เศรษฐกิจจีน” กำลังเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะเงินฝืด แม้ภาคการผลิตของประเทศ จะช่วยผลักดันการส่งออกให้เติบโตเร็วสุดรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

ทว่านโยบายภาษีของทรัมป์ อาจกระทบการเติบโตจีดีพีจีน ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ ต้องระมัดระวังการนำเข้าสินค้าจีน หรือออกมาตรการเพิ่มภาษีกีดกันทางการค้าเช่นเดียวกัน

โดย “สี จิ้นผิง” พยายามเตรียมการและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในการประชุมต่าง ๆ เช่น เรียกร้องให้มีการ “ทำลายกำแพง” ที่กีดขวางการค้าและการลงทุน

ขณะเดียวกันเรียกร้องให้เหล่าผู้นำ “ต่อต้านนโยบายฝ่ายเดียวและนโยบายการคุ้มครองทางการค้า” และเน้นย้ำว่าจีนเป็นตัวอย่างของการขจัดความยากจนในประเทศ

“นโยบายภาษีของทรัมป์” อาจผลักดันให้จีนต้องออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ แม้ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศนโยบายใหม่ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีน ให้สัญญาว่าจะออกนโยบายการเงิน “เข้มงวดขึ้น” ปีหน้า

ถือว่าการประชุมดังกล่าว “สี จิ้นผิง” ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้นำประเทศต่าง ๆ แม้มีความตึงเครียดจากการพูดคุยกับผู้นำจากประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ ทั้งประเทศ “แคนาดา-ออสเตรเลียและอังกฤษ” จากการแสดงความกังวลประเด็นต่าง ๆ อย่างการลงทุนของจีนในเม็กซิโก, การเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจีน และประเด็นสิทธิมนุษยชนในไต้หวัน

การพลิกเกมของรัฐบาลปักกิ่ง ด้วยการผลักดัน “เรื่องการค้าเสรี” ถือเป็นการตระเตรียมเพื่อรับมือ “นโยบายทรัมป์” ว่าด้วย “สงครามการค้า” ที่ชัดเจนอย่างจงใจ..!!