8 หุ้นราคาพุ่งทะยานเหนือใคร!

เหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยประจำเดือนมกราคม 2559 ผ่านพ้นไปด้วยภาพรวมที่ดี เพราะดัชนีอยู่ในทิศทางเป็นบวก โดยสิ้นเดือนมกราคม 2559 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,300 จุด เพิ่มขึ้น 11.98 จุด หรือบวกไป 0.93% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ปิดที่ระดับ 1,288.02 จุด


เหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยประจำเดือนมกราคม 2559 ผ่านพ้นไปด้วยภาพรวมที่ดี เพราะดัชนีอยู่ในทิศทางเป็นบวก โดยสิ้นเดือนมกราคม 2559 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,300 จุด เพิ่มขึ้น 11.98 จุด หรือบวกไป 0.93% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ปิดที่ระดับ 1,288.02 จุด

ทั้งนี้จากภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯที่เป็นบวก “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จึงขอร่อนตะแกรงหาหุ้นพุ่งทะยานประจำเดือนมกราคม 2559 ของแต่ละกลุ่มทั้ง 8 กลุ่ม ว่ามีหุ้นตัวไหนบ้างที่ปรับตัวพุ่งแรงสุดของกลุ่มนั้นๆ มาอย่างละ 1 ตัว ยกให้เป็นตัวเอกใน 8 หุ้น 8 กลุ่ม ราคาพุ่งทะยานเหนือใคร

เริ่มจากกลุ่มแรก กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรม ตกเป็นหุ้น GFPTหรือ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) ด้วยราคาหุ้นพุ่งทะยานมากถึง 23.23% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นสูงสุดของกลุ่ม สำหรับทิศทางในระยะยาวราคาหุ้นคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ เนื่องจากทิศทางในปีนี้ คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะตลาดเดิมอย่างประเทศญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ด้วยสถานการณ์ที่ไข้หวัดนกยังระบาดในหลายประเทศทำให้ไทยไม่สามารถนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์และพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศทำให้คาดว่าราคาเนื้อไก่จะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 59 เป็นต้นไป ส่วนระยะสั้นนักวิเคราะห์มองว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากช่วงเทศกาลตรุษจีนที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ.นี้

ต่อมาเป็นกลุ่มที่สอง กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลายเป็นหุ้น OGCหรือ บริษัท โอเชียนกลาส จำกัด (มหาชน) มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างผิดหูผิดตา ด้วยราคาหุ้นพุ่งทะยานมากถึง 27.37% อาจเป็นการเก็งกำไรของนักลงทุน หลังจากสถานการณ์ของผลการดำเนินงานที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ดีบริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องแก้วของเอเชีย โดยผลิตและจำหน่ายภาชนะเครื่องแก้วคุณภาพดี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการใช้งานภายในบ้าน ร้านอาหารและโรงแรม การนำไปเป็นของขวัญ ของชำร่วย หรือใช้เป็นเครื่องมือการส่งเสริมการขายอีกด้วย

เข้าสู่กลุ่มที่สาม กลุ่มธุรกิจการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ ตกเป็นหุ้นCGHหรือ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นพุ่งทะยานมากถึง 24% กลับกลายเป็นขวัญใจนักลงทุนไปได้ อาจเป็นผลมาจากนักลงทุนมีความมั่นใจต่อตัวบริษัทมากขึ้น หลังผู้บริหารว่าในปี 2559 จะเป็นปีแห่งการลงทุนของกลุ่มบริษัทโดยมีนโยบายหลัก คือ ใช้วิธีการเข้าซื้อกิจการทั้งในธุรกิจพลังงานทดแทน หลังจากบริษัทเข้าซื้อหุ้นบริษัท ผาแดงอินดัสทรี (PDI) เพิ่มในช่วงปลายปี 2558 ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 20.34%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป โดยซื้อหนี้ของธุรกิจโรงแรมของสถาบันการเงินยุโรป ซึ่งประสบปัญหาจากวิกฤตการเงินก่อนหน้านี้ จึงมีโอกาสได้มาในราคาที่ดีเพื่อนำมาดำเนินการต่อ คาดว่ามีโอกาสจะเห็นความชัดเจนในการลงทุนภายในปี 2559

ส่วนกลุ่มที่สี่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ตกเป็นหุ้น SMPCหรือ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถทะยานพุ่งขึ้น 29.41% เนื่องจากรับอานิสงส์ช่วงระยะสั้นๆ ด้วยโมเมนตัมคำสั่งซื้อถังแก๊สที่ล้นทะลัก จากปัจจัยบวกราคาแก๊ส LPG ที่ลดลง อีกทั้งยังมีแรงหนุนจาก การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทที่คาดจะช่วยหนุนให้มาร์จิ้นขยับเพิ่มขึ้น โดยภายใต้ประมาณการใหม่

โดยกลุ่มที่ห้า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เป็นหุ้น EVERหรือ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมากถึง 18.75% อาจเป็นการเก็งกำไรของนักลงทุนระยะสั้นๆ เนื่องจากก่อนหน้า ผู้บริหารคาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนงานที่ชัดเจนต่อคณะกรรมการภายในไตรมาส 1 ปี 59 และหากดำเนินโครงการแล้วเสร็จบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรจากการขายโครงการในอนาคต

ขณะที่กลุ่มที่หก กลุ่มทรัพยากร เป็นอื่นไปไม่ได้ตกเป็นหุ้นเนื้อหอมแรงมานับตั้งแต่เข้าตลาด คือหุ้น SCI หรือ บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) ซึ่งราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นแรงมากถึง 24.09% อย่างไรก็ดีหุ้นตัวนี้ยังไม่ควรมองข้ามเนื่องจากยังเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกทั้งระยะสั้นและระยะยาว ประเด็น ได้แก่ 1) การเซ็นสัญญาโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าประเทศลาว ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงปี 2559, 2) โครงการภาครัฐต่างๆ เช่น โครงการด้านรถไฟฟ้า, รถไฟความเร็วสูง, นำสายไฟลงดิน และ 3) การขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมด้าน 4G นอกจากนี้ SCI ยังมีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการขยายการลงทุนไปยังพม่า ด้วยปัจจัยบวกทั้งหมดนี้ มองว่า SCI จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2559

สำหรับกลุ่มที่เจ็ด กลุ่มบริการ กลายมาเป็นหุ้น ACDหรือ บริษัท เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทั้งราคาหุ้นสามารถทะยานพุ่งมากถึง 40%อาจเป็นการเก็งกำไรจากมีข่าวว่าในปี 2559 ผลงานเทิร์นอะราวด์ เล็งย้ายเทรดกลุ่มอสังหาหลังบุ๊ครายได้ขายคอนโดฯ ออริจินส์ไตรมาส 1 ปี 59 พร้อมแผนล้างขาดทุนสะสมกว่า 400 ล้านบาท และจ่ายปันผลครั้งแรก

ในส่วนกลุ่มที่แปด กลุ่มเทคโนโลยี นับเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงสุด ตกเป็นหุ้น JTS หรือ บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) โดยราคาหุ้นสามารถปรับตัวพุ่งมากถึง 47.41% ซึ่งเป็นการเข้าซื้อสะสมของนักลงทุน หลังมีแววได้รับงานวางระบบเต็มพิกัด งานก้อนโตรับอานิสงส์จากการประมูลคลื่น 4G ในช่วงที่ผ่านมา

ข้อมูลข้างต้นเป็นการเลือกหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงสุดในแต่ละกลุ่มเท่านั้น โดยเป็นเพียงระยะสั้น แต่อาจปรับตัวขึ้นต่อในเดือนต่อไปได้อีก

 

CO040216

Back to top button