รวบ “สามารถ” ที่เชียงราย! ส่งตัวให้ DSI เค้นสอบ “ฟอกเงิน” โยงคดี “ดิไอคอน”
อธิบดี DSI เปิดที่มาศาลออกหมายจับ “แม่และสามารถ” พบเส้นทางการเงินโยง “บอลพอล” ดิไอคอนฯ ชัดเจน เตรียมรับตัวจากเชียงรายค่ำนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พ.ย.67) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีศาลออกหมายจับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ (แม่ของนายสามารถ) ในความผิดฐานฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ในคดีดิไอคอน กรุ๊ป
โดย พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีฟอกเงิน ได้ไปตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 2 แห่ง คือ 1. หมู่บ้านหรู ย่านตลิ่งชัน พรานนก 2. ซอยพญานาค ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี พบบุคคลที่ถูกออกหมายจับ และพบสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐาน อาทิ โทรศัพท์ 6 เครื่อง, รถตู้, เอกสารการเงิน
สืบเนื่องจากดีเอสไอ รับคดีฟอกเงินจากดิไอคอนฯ กับพวกเป็นคดีพิเศษ จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า มีเงินจากการระดมทุนของสมาชิกไปยังบริษัท และโอนต่อมายังบุคคลที่ถูกออกหมายจับในหลายทอดด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการโอนหรือรับโอน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือเพื่อปกปิดอำพราง ซุกซ่อน ลักษณะแท้จริงที่ได้มาของทรัพย์สิน เข้าข่ายความผิดอาญา ฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน
โดยได้ควบคุมตัวบุคคลที่ถูกออกหมาย 1 คน ซึ่งเป็นแม่ อยู่ระหว่างสอบปากคำ เบื้องต้นให้การไม่เป็นประโยชน์แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่อีกรายไม่พบตัวในสถานที่พำนัก ล่าสุดตำรวจภูธรภาค 5 ประสานมาว่าได้พบตัวผู้ต้องหาอีกคนแล้ว จะนำตัวมาดำเนินคดีในช่วงค่ำ คาดว่าถึงกรุงเทพฯ เวลา 23:00 น.วันนี้
“เราพบว่าจากระดมเงินจากสมาชิกไปยังบริษัท และบริษัทได้โอนต่อมายังผู้จัดการของบริษัทดิไอคอนฯ คือบอสพอล หลังจากนั้นได้โอนเงินต่อมายังมารดาหรือนางวิลาวัลย์” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
ส่วนที่อ้างว่ารับโอนเงินดังกล่าวเพื่อทำบุญหรือให้ยืมกัน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า เราก็รับฟัง แต่ต้องชั่งน้ำหนักว่าการรับโอนเงินหลักแสนบาท เป็นห้วง ๆ ทุกเดือน และเป็นเงินจากบริษัทที่เป็นผู้ต้องหานั้นรับฟังได้หรือไม่
เบื้องต้นพบว่า มีเงินจากหลายแหล่งโอนเข้ามายังบัญชีของนางวิลาวัลย์ โดยเป็นเงินโอนจากดิไอคอนฯ จำนวน 2.5 ล้านบาท จาก “บอสพอล” และอีก 5 แสนบาทจาก “บอสปีเตอร์” ที่เป็นการทยอยโอนเข้ามา ตั้งแต่ ปี 64-66 รวม 15 ครั้ง แต่ยังมีเงินที่โอนจากแหล่งอื่น บุคคลอื่น ๆ รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาทด้วย เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายละเอียด
“ในความผิดอาญาฐานฟอกเงิน เป็นความผิดอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นที่จะต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ เจ้าพนักงานเมื่อพบการกระทำความผิดแล้วก็จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นการตัดวงจรการกระทำความผิดด้วย” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวตอนหนึ่ง