กพช. เคาะอัตราเงินส่งเข้า “กองทุนอนุรักษ์ฯ” ลิตรละ 0.05 บาท ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้

นายกฯ ถกบอร์ด กพช. สั่งเร่งหนุนลงทุน “พลังงานสีเขียว” ลดราคาช่วยครัวเรือนไทย ขณะที่ ประชุมมีมติเคาะเกณฑ์ส่งเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ 0.05 บาทต่อลิตร เริ่ม 1 ธ.ค.67


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 พ.ย.67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2567 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญเรื่องราคาพลังงาน เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจและครัวเรือน จากการเดินทางเยือนต่างประเทศ พบทุกประเทศให้ความสนใจพลังงานสะอาดเป็นอย่างมาก จึงขอให้มุ่งเน้นเรื่องนี้ให้มากขึ้น ทั้งดึงดูดนักลงทุนและเอื้อต่อการลงทุน และหากกระทรวงหรือหน่วยงานใด มีแผนอยู่แล้ว ก็ขอให้เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ อย่าให้เกิดความล่าช้า

พร้อมกันนี้ ขอให้เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์คัดเลือกและรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะมาตรการให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง Direct Power Purchase Agreement หรือ Direct PPA ส่วนเรื่องราคาก็ขอให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ รวมถึงพิจารณา Direct PPA ซึ่งกำหนดเป้าหมายอนุญาตให้เฉพาะบริษัท Data Center ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนนั้น ขอให้พิจารณาไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ทั้งนี้ที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบเรื่องสำคัญหลายเรื่อง อาทิ พิจารณาการกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว พ.ศ.2567 เนื่องจากประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร พ.ศ.2564 เดิมจะครบกำหนดในวันที่ 30 พ.ย.นี้

เห็นชอบอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ในอัตรา 0.0500 บาทต่อลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว ในอัตรา 0.0000 บาทต่อกิโลกรัม โดยเริ่มใช้ 1 ธ.ค.67 เป็นต้นไป

เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรและก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว พ.ศ. …. และมอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เสนอ ประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงนามต่อไป

เห็นชอบข้อเสนอให้กระทรวงพลังงาน นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.44 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2544 (ครั้งที่ 87) เมื่อวันที่ 26 พ.ย.44 เรื่องปรับองค์กรในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม เป็น “ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม และให้หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป”

นอกจากนี้ กพช. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 3 ฉบับ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ, เครื่องอัดอากาศแบบเกลียวและกระจก และมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นำร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว เสนอครม. ให้ความเห็นชอบ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไปด้วย

Back to top button