ดอลล์แข็งค่าหลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯหนุนแนวโน้มเฟดขึ้นดบ.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าอัตราว่างงานของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในปีนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (5 ก.พ.) อ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1142 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1207 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4499 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4588 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.93 เยน จาก 116.75 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9918 ฟรังก์ จาก 0.9925 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7070 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7200 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 262,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.0% กระทรวงระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 7,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดมีความผ่อนคลายมากกว่าที่จะผิดหวังกับข้อมูลจ้างงานล่าสุด เนื่องจากโดยรวมแล้วข้อมูลบ่งชี้ในเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ แม้ว่าตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ มุมมองบวกเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐทำให้นักลงทุนเชื่อว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้น