IVF เคาะราคาไอพีโอ 3.10 บาท จองซื้อ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.นี้ ระดมทุนเทรด mai
IVF เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 3.10 บาท เตรียมเปิดให้จองซื้อ 29 พ.ย. ถึง 3 ธ.ค. นี้ จ่อเข้าเทรด mai เดินหน้าขยายธุรกิจรักษา-ให้-การวางแผนภาวะมีบุตรยาก
บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ระบุในแบบไฟลิ่งต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าได้กำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 3.10 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นในวันที่ 29 พ.ย. ถึง 3 ธ.ค. 67 ซึ่งหุ้นจะเข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและมี บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
สำหรับ IVF จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 130,000,000 หุ้น ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนชำระแล้ว 220,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน 440,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท จากทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 155,000,000 บาท
ขณะที่ จำนวนเงินรวมสุทธิที่ IVF จะได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีจำนวนประมาณ 388 ล้านบาท โดย IVF มีวัตถุประสงค์ ในการใช้เงิน ดังนี้ 1. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 84.00 ล้านบาท 2.ใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขา จำนวน 190 ล้านบาท และ 3.ใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจให้บริการดูแลสุขภาพ (wellness) จำนวน 114 ล้านบาท
อนึ่ง IVF คือ บริษัทผู้ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยาก ตลอดจนการเลือกรักษาด้วยวิธีต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น ICSI และ IUI เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ของคู่สมรส โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทนั้น บริษัทมีแนวคิดของการเป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ได้มาตรฐานระดับสากลและได้เริ่มทำการตลาดในต่างประเทศตั้งแต่ในช่วงปี 2561 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทมีสัตส่วนรายได้จากลูกค้าชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 จากรายได้การให้บริการรวม
นอกจากนี้ บริษัทมีผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาในปี 64-66 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายในปี 64 อยู่ที่ 11.24 ล้านบาท และในปี 65 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 63.31 ล้านบาท ถัดมาในปี 66 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 121.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการต่อปี (CAGR) สำหรับปี 64-66 อยู่ที่ 228.78%
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงปี 64 จะอยู่ในช่วงวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ บริษัทฯ ได้เรียนรู้ปรับตัวโดยได้เพิ่มการบริการด้าน Wellness ในปีที่ผ่านมาและยังวางแผนกลยุทธ์เพื่อเฟ้นหาโอกาสใหม่ๆ สู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
นอกจากนี้ บริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลตามความสามารถในการทำกำไรแต่ละปี และผลการดำเนินงานโดยรวมภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมาย และงดจ่ายปันผลในกรณีที่นี่ที่มีการขาดทุนสะสม โดยบริษัทมึนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น ๆ (ถ้ามี)โดยคำนึงถึงฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด สภาพคล่อง แผนการลงทุน และปัจจัยอื่น ๆ ตามความเห็นสมควรของคณะกรรมการบริษัท และการจ่ายปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
โดยคณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินผลแลและนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นแต่เป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งคณะกรรมการบริษัทมีอำนาจอนุมัติและรายะรายงานให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นรับทราบในการประชุมคราวต่อไปทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง