พาราสาวะถี
วันนี้ (29 พ.ย.) แพทองธาร นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุดสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่-เชียงราย
วันนี้ (29 พฤศจิกายน) แพทองธาร ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุดสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะปักหลักอยู่ที่สองจังหวัด คือ เชียงใหม่-เชียงราย เน้นการตรวจราชการ แน่นอนว่า เพื่อสร้างความอุ่นใจให้คนในพื้นที่ เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งการจัดประชุมหนนี้มีการกำหนดธีมไว้ว่า From Flood to Flourish หรือฟื้นคืนสู่ความเฟื่องฟู
มีการวางเป้าหมายไว้ว่า การประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ในครั้งนี้จะเป็นแสงสว่างช่วยสร้างความเฟื่องฟูให้กับชาวเชียงใหม่อีกครั้ง หลังผ่านพ้นกับอุทกภัยครั้งใหญ่ และพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ สถานที่จัดการประชุมยังมีการประดับตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นผลิตภัณฑ์โอทอปขึ้นชื่อของเชียงใหม่ด้วย แน่นอนว่า ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นย่อมกระจายไปถึงเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงด้วย เพราะหน้าหนาวถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับจังหวัดทางภาคเหนือ
สวนทางกันคือภาคใต้ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล โดย อนุทิน ชาญวีรกูล มีกำหนดการลงไปช่วยเหลือประชาชนในวันนี้ ฉากทัศน์ของการทำงานคงไม่ต่างจากการแก้ไขสถานการณ์ที่เชียงราย เชียงใหม่ เพียงแต่ว่าภาคใต้การท่วมขังจะไม่กินเวลานานเหมือนสองจังหวัด ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลและภาครัฐจะต้องเร่งดำเนินการคงเป็นเรื่องการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบมากกว่า
การบริหารงานของรัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธาร กำลังเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ยังคงต้องเผชิญกับกลุ่มจ้องล้มไม่ลดละ พ้นจากความกังวลเรื่องนิติสงคราม ก็มาเจอม็อบขาประจำ นำโดยแป๊ะลิ้มที่จงเกลียดจงชังทักษิณมาตลอด ชูประเด็นเอ็มโอยู 44 มาเป็นตัวล่อ ตามนิสัยที่เคยทำเปิดหัว หาแนวร่วม หวังว่าจะจุดกระแสติด การจั่วหัวว่าด้วยม็อบคลั่งชาติดูท่าว่ามันจะล้าสมัยไปแล้วลุง อย่างที่บอกเมื่อสแกนไปยังพวกสุมหัวตั้งป้อมล้มรัฐบาล ล้วนแต่เป็นคนหน้าเดิม เพิ่มเติมคือ พวกที่เคยรับผลประโยชน์จาก ทักษิณ ชินวัตร แต่ช่วงที่เผด็จการครองเมือง หันไปหากินรับใช้ใต้อุ้งตีนท็อปบูธอย่างน่าละอาย
งานนี้คงไม่ง่ายเหมือนที่มีหลักฐานเล่นงานทนายขี้ฉ้อ เพราะเห็นกันอยู่ปมเอ็มโอยูพื้นที่อ้างสิทธิหรือ OCA ไทย-กัมพูชา การเจรจายังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฝ่ายไทยยังไร้คณะกรรมการด้านเทคนิค หรือ JTC ที่ทางฝั่งเขมรเรียกร้องให้เร่งดำเนินการ ถือเป็นเรื่องอ่อนไหวจากที่จะตั้งโต๊ะคุยกันแค่ผลประโยชน์ใต้ OCA กลับจะไปชักใบให้เรือเสีย โยงเอาเรื่องเขตแดนมาเกี่ยวข้อง ดีที่ว่ามีการเปลี่ยนอำนาจไปแล้ว หากยังเป็นฮุน เซน คนเดิม มีหวังได้เห็นท่วงทำนองการตอบโต้ดุเด็ดเผ็ดมัน แทนที่จะปลุกม็อบลงถนน ควรเอาเวลาไปหาทางดูแลพนักงานและบริษัทของตัวเองที่มีปัญหาให้ลืมตาอ้าปากกันได้น่าจะดีกว่า
ยิ้มเห็นแก้มแย้มเห็นไรฟัน การเคลื่อนไหวของอดีตหัวขบวนระบอบสนธิ-จำลอง ก็ไม่ต่างกัน รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกันอยู่ว่าทำไปเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งรัฐบาลแม้จะมั่นใจว่าคงปลุกระดมกันไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ประมาท คงติดตามกันใกล้ชิด ประเมินสถานการณ์จนถึงเวลานี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติ ฝ่ายกุมอำนาจมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ความต้องการของคนส่วนใหญ่อยู่ตรงไหน จึงต้องตั้งใจ ขวนขวาย และเร่งทำงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
นับตั้งแต่หลังเลือกตั้งบ้านเมืองเสียโอกาส ประเทศชาติขาดความน่าเชื่อถือไปรอบหนึ่งแล้วจากฤทธิ์เดชของทาสเผด็จการในนามพวกลากตั้ง หลังมีรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ตั้งหน้าตั้งหน้าทำงานได้ไม่ถึงปีก็มีอันเป็นไป ดีที่ว่างานไม่สะดุดมีรัฐนาวาใหม่ได้เร็ว จึงทำให้สานงานต่อก่องานใหม่กันได้ในทันที บ้านเมืองกำลังเริ่มที่จะมองเห็นฝั่ง ประชาชนเริ่มจะมีความหวัง คงไม่มีใครยอมหรือตกเป็นเครื่องมือของพวกสุดโต่งเพียงหยิบมือที่เป็นพวกถ่วงความเจริญ
ขณะเดียวกัน การกลับมาหนนี้ของทักษิณที่ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีพลังวิเศษที่คอยเกื้อหนุน และกระตุกไม่ให้ตกอยู่ในอาการเหลิงอำนาจเหมือนที่ผ่านมา ย่อมทำให้ฝ่ายตรงข้ามยากที่จะยั่วยุ หรือไปขุดคุ้ยเปิดแผลหาประเด็นมาโจมตีได้ กลับกันเมื่อมองไปยังมวลชนที่จะมาเป็นแรงหนุนให้กับม็อบ พรรคการเมืองฝั่งอนุรักษนิยมที่เคยอิงแอบกับมือที่มองไม่เห็นล้มรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชนจนถึงเพื่อไทยสำเร็จ นาทีนี้ก็มายืนร่วมเรียงเคียงไหล่กับรัฐบาลอุ๊งอิ๊งไปแล้ว
ครั้นหวังว่าจะไปแกะเอาพวกแนวร่วมที่แปรพักตร์ไปสนับสนุนพรรคประชาชน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องการที่จะกลับหลังหัน แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาส่วนใหญ่จะไม่กลับไปสู่วังวนเดิม เพราะบรรดาคนที่มีอันจะกิน หรือทำมาค้าขาย ที่เคยหลงเชื่อพวกม็อบมีเส้นแล้วให้อำนาจเผด็จการครองเมือง ต่างได้ลิ้มรสความฉิบหายวายป่วงกันมาแล้ว คนกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะขออยู่เฉย ๆ สงวนท่าทีไปจนกว่าจะมีเลือกตั้งครั้งใหม่ การเมืองเปลี่ยนไปมาก แต่พวกที่ใช้การเคลื่อนไหวทางการเมืองทำมาหากินกลับยังจมปลักกับความคิด และวิธีการแบบเดิม
เมื่อรู้แล้วว่าคนส่วนใหญ่ต้องการอะไร จึงเป็นสิ่งที่ทักษิณ ลูกสาวคนเล็ก รัฐบาลและพรรคร่วมทั้งหมด ต้องจับมือกันให้แน่น ขับเคลื่อนนโยบาย สร้างผลงานให้ประชาชนสัมผัส จับต้องได้โดยเร็ว ไม่ใช่แค่ประชาชน ภาคเอกชนเท่านั้นที่รอการตัดสินใจที่เด็ดขาด ความกล้าหาญในการบริหารบ้านเมืองของนายกฯ แม้แต่ภาครัฐ ส่วนราชการเอง ต่างก็รอการสั่งการในการที่จะเดินหน้าการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่ใช่ความกระสันอยากที่จะใช้งบประมาณ แปรรูปเป็นเงินทอน แต่อยากเห็นเมกะโปรเจกต์ที่จะเป็นอีกหนึ่งขาที่เข้ามาช่วยฉุดให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
อรชุน