ทำไมถึงต้องเป็น TRUEแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ปฏิบัติการ "ช้างประสานงา" ยังไม่จบเพราะหลังจากปล่อยเวลาให้ยืดยาวมาหลายสัปดาห์ก้าวรุกครั้งใหม่ของกองทุนสถาบันผู้ยึดมั่นในหลัก "ธรรมาภิบาล" สุดจิตสุดใจก็เพิ่มแรงกดดันระลอกใหม่ในกรณีของบริษัทซีพี ออลล์จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กรณีคณะกรรมการและผู้บริหารเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นบริษัทสยามแม็คโครจำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO และสำนักงานก.ล.ต.ได้สั่งเปรียบเทียบปรับก่อนหน้านี้
ปฏิบัติการ “ช้างประสานงา” ยังไม่จบเพราะหลังจากปล่อยเวลาให้ยืดยาวมาหลายสัปดาห์ก้าวรุกครั้งใหม่ของกองทุนสถาบันผู้ยึดมั่นในหลัก “ธรรมาภิบาล” สุดจิตสุดใจก็เพิ่มแรงกดดันระลอกใหม่ในกรณีของบริษัทซีพี ออลล์จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กรณีคณะกรรมการและผู้บริหารเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นบริษัทสยามแม็คโครจำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO และสำนักงานก.ล.ต.ได้สั่งเปรียบเทียบปรับก่อนหน้านี้
เริ่มด้วยนายสมิทธ์พนมยงค์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์จำกัดเปิดตัวก่อนใครว่าบริษัท ยังคงรอท่าทีความชัดเจนของ CPALL ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ แต่ระหว่างนี้จะหยุดการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆของเครือบริษัทซีพี ไม่ลด ไม่เพิ่ม จนกว่าผลการประชุมบอร์ดจะมีข้อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นออกมา
หมายความว่า หุ้นในกลุ่มซีพีหลักๆคือ CPALL-TRUE-MAKRO และ CPF จะต้องกระทบกระเทือนไปด้วย
พร้อมกันนี้นายสมิทธ์ยังเปิดเผยเกมไล่รุกคืบหน้า ว่าหากการประชุมดังกล่าวไม่มีข้อสรุปใดๆทางผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ทั้งหมดที่ถือหุ้นปัญหาตัวนี้รวมกันเกือบ 30% จะขอใช้สิทธิในการขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อรับการชี้แจงกับทาง CPALL ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นในกลุ่มซีพีอีกครั้ง
ปฏิกิริยาตามมาน่าสนใจคือ ด้านหนึ่ง ผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์อย่าง นายอาทิตย์นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ก็ชี้แจงทันควันว่าการให้สัมภาษณ์ของนายสมิทธิ์นั้น “…มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง…ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ลูกค้าและนักลงทุนซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ถูกต้องและอาจส่งผลเสียหายในเชิงธุรกิจต่อกลุ่มบริษัทในเครือซีพี”
พร้อมกันนั้น นายอาทิตย์ยังย้ำอีกว่า “….กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนานกับกลุ่มบริษัทในเครือซีพีโดยมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนการลงทุนและการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือซีพีมาโดยตลอดทั้งปัจจุบันและต่อไปในอนาคต”
อีกด้านหนึ่ง นางวรวรรณธาราภูมินายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบลจ.บัวหลวง ก็ออกมายืนว่าสิ่งที่นายสมิทธ์แถลงนั้นเป็นจุดยืนเดียวกันกับทางสมาคมฯ โดยที่สมาคมบลจ. จะประชุมวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้พร้อมกับกล่าวว่า “…เตรียมออกมาตรการกับซีพี ออลล์และหุ้นในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีหลังได้ทวงถามถึงมาตรการและธรรมาภิบาลของซีพี ออลล์หลายครั้งแต่ยังไม่ได้คำตอบ”
พร้อมกันนั้น “บิ๊กตู่” ก็ต่อยอดอีกว่า ขณะนี้บลจ.และกองทุนขนาดใหญ่อาทิบริษัทประกันชีวิต AIA , กองทุนประกันสังคม, กองทุนกบข. ได้ขาดความเชื่อมั่นบริษัทซีพี ออลล์รวมทั้งเครือซีพี
เชื่อว่าหากการประชุมบอร์ดซีพี ออลล์วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ยังไม่มีความชัดเจนจะกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของธุรกิจในเครือและการเพิ่มทุนกว่า 6 หมื่นล้านบาทของกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น
ล่าสุดบลจ.ไทยพาณิชย์, และบลจ.กรุงไทยได้หยุดการลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้เครือซีพีทั้งหมดเพราะไม่เชื่อมั่นธรรมาภิบาลของเครือซีพีโดยกองทุนทุกแห่งถือหุ้นซีพีออลล์มากกว่าร้อยละ 30
อีกด้านหนึ่งก็มีความเคลื่อนไหวชนิด “สวนควันปืน” ออกมาแบบที่เรียกว่า Mexican Standoff จากคณะกรรมการบริษัทซีพี ออลล์ที่ได้มีมติวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ชนิดไม่ต้องรออีก 2 สัปดาห์ว่า ยังคง “…ให้โอกาสแก่กรรมการบริหาร 3 รายที่เกี่ยวข้องยังคงทำหน้าที่ต่อไปโดยจะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต”
เมื่อต่างฝ่ายต่างหงายหน้าไพ่ขึ้นสู้ชนิด “ตายเป็นตาย” อย่างนี้คำถามคือถ้าจะให้ทายว่าวันจันทร์นี้ หรือถัดๆ ไปกองทุนที่ถือหุ้น CPALL, TRUE, MAKRO และ CPF อยู่ รวมเบ็ดเสร็จหลายหมื่นล้านบาท จะขายหุ้นหรือหุ้นกู้ทั้ง 4 รายไหม???
งานนี้ห้ามกะพริบตา….จนกว่าจะรู้ว่าใครคือคลิ้นท์อีสท์วูดใครคือลีแวนคลิฟฟ์และ…. ใครจะนอนโลงใครจะได้ทองคำแท่ง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคำถามคือแล้วหุ้นอย่าง TRUE ที่ถูกบลจ.ใส่ชื่อเป็นหนึ่งในตัวประกันอยู่นั้นจะมีชะตากรรมอย่างไร
อย่างที่รู้กัน TRUE เพิ่งประกาศเพิ่มทุนต้องการเงินอีก 60,000 ล้านบาทภายในต้นเดือนเมษายนเพื่อจะเอาไปอุดกระแสเงินสดเพราะตัวเลขจะก่อหนี้อีกนับแสนล้านบาททำให้ดี/อีพุ่งเป็น 3.4 เท่าต้องลดแรงกดดันด่วนก่อนที่ต้นทุนการเงินจะกลายเป็นงูกินหาง
เจอไม้เด็ดที่เป็นคำขาดตกเป็น “เหยื่อร่วมชะตากรรม” ในความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่ออย่างนี้เจ้าสัวน้อยศุภชัยเจียรวนนท์คงต้องร้องเพลงเดียวเท่านั้น
“… ทำไมถึงต้องเป็น TRUE…..ใครเขาซิรับเอารับเอาแต่ความโชคดี เหลือเศษเดนของความกาลี…”
ไม่รู้ว่าปฏิบัติการ “ช้างประสานงา” รอบนี้ จะเข้าข่าย “ทุบเอาของถูก” หรือ “ดึงเกมต่อรอง” หรือ “ปาหี่คุณธรรม” กันแน่
รู้อย่างเดียวว่า คนถือหุ้น TRUE หัวใจลงไปกองที่ตาตุ่มหมดแล้วจ้าาาา!!!!