ลดหย่อนภาษี! ครม.เคาะมาตรการใหม่ ช่วยผู้ประสบภัย “ซ่อมแซมบ้าน-รถยนต์”

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 พ.ย.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้านและมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมรถ หลังจากวันที่ 17 ตุลาคม 2567 พบว่ามีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 256,405 ครัวเรือน และมีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย 49 จังหวัด โดย กรมสรรพากร ออกมาตรการภาษีเพื่อบรรเทาและฟื้นฟูผลกระทบจากอุทกภัยสำหรับผู้ประสบอุทกภัยและสำหรับผู้บริจาค

ทั้งนี้ หากเงินรับชดเชยจากรัฐบาล เงินหรือทรัพย์สินรับบริจาคได้รับการยกเว้นภาษี โดยผู้ประสบอุทกภัยไม่ต้องนำเงินช่วยเหลือที่ได้รับไปเสียภาษีเงินได้ นำค่าเสียหายเป็นรายจ่ายในการคำณวณภาษีได้ ส่วนผู้บริจาคให้กับส่วนราชการหรือมูลนิธิ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย หักลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เมื่อมีเงินได้จะได้รับการยกเว้นภาษีจำนวนเท่ากับค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น (มีผลเท่ากับการหักค่าใช้จ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น คาดว่าช่วยค่าซ่อมรถได้ 4 ล้านราย ช่วยค่าซ่อมแซมบ้าน 4 ล้านราย

สำหรับค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมอาคารหรือทรัพย์สินที่ประกอบติดตั้งกับตัวอาคารหรือในที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารหรือในการซ่อมแซมห้องชุดในอาคารชุดหรือทรัพย์สินที่ประกอบติดตั้งกับห้องชุดในอาคารชุด ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 100,000 บาท

สำหรับทรัพย์สินนั้นได้รับความเสียหายจากอุทกภัยระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 การจ่ายค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินมากกว่า 1 แห่ง ให้รวมคำนวณค่าซ่อมแซมฯ ทุกแห่งเข้าด้วยกัน สำหรับค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ตามที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดไม่เกิน 30,000 บาท

ส่วนกรณีที่ได้จ่ายค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรถมากกว่า 1 คัน ให้รวมคำนวณค่าซ่อมแซมฯ รถทุกคันเข้าด้วยกัน เพื่อบรรเทาภาระให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยดังกล่าว ได้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ออกไปเป็นภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 สำหรับยื่นภาษีกลางปีสำหรับนิติบุคคล ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมีภาระ ภาษีน้อยลงและมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในช่วงประสบอุทกภัยโดยไม่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้