ช่วงสั้นมอง SET ยังไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้นบรรยากาศการลงทุน
InnovestX มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 3/67 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
InnovestX มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 3/67 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่พุ่งสูงถึง 39% สะท้อนความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจท่ามกลางความท้าทายจากอัตราดอกเบี้ยสูงและความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ต.ค. รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น โดย Core PCE เพิ่มขึ้น 2.8% ต่อปี และ 0.3% ต่อเดือน เร่งตัวขึ้นจาก 2.7% ในเดือนก่อน
ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคที่แท้จริง (หักเงินเฟ้อ) ชะลอตัวลงเหลือเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% แม้รายได้ที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้น 0.4% สูงสุดในรอบ 10 เดือน สะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปลายปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น และสัญญาณความเปราะบางทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่และผู้มีรายได้น้อยที่ต้องพึ่งพาสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ InnovestX มองว่าในระยะต่อไปเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเริ่มมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าและนโยบายผู้อพยพในอนาคตภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์
ด้านการส่งออกไทยที่พุ่งสูง InnovestX มองว่าเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว คือ การเร่งนำเข้าของต่างประเทศเพื่อสะสมสต๊อกก่อนความเสี่ยงสงครามการค้า โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องจักร รวมถึงผลของราคาทองคำที่สูงขึ้น ขณะที่ภาคการผลิตเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า การทุ่มตลาดจากจีน และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดดันกำลังซื้อ โดย InnovestX มองว่าความเสี่ยงสงครามการค้าจะยิ่งกดดันภาคส่งออกและภาคการผลิตของไทยยิ่งขึ้นในระยะต่อไป
ส่วนตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET จะยังเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ในกรอบ โดยมีแนวรับเชิงจิตวิทยาที่บริเวณ 1,400 จุด และตลาดจะมีการรีบาวด์เป็นระยะ ๆ เป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างจำกัด โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและ 1 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO, TNP) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC, AOT, MINT)
2. หุ้น Earning Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/67 จะเติบโตดีจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน อีกทั้งแนะนำ Outperform เลือก GULF, OSP, AMATA, AU, TIDLOR, BCP
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL, ADVANC, HMPRO
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ในงวดครึ่งแรกของปี 68 อาทิ BANPU, CCET, COM7, SAWAD รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ แนะนำ HMPRO, CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มการแพทย์ กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่กำไรไตรมาส 4/67 มีโมเมนตัมอ่อนแอ
สุกิจ อุดมศิริกุล